แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ไป 9,500 บาท จำเลยให้การว่ากู้จริงเพียง 500 บาท จำนวนเงินตามสัญญากู้โจทก์ปลอมขึ้น ขอให้ยกฟ้องหรือถ้าจะให้จำเลยรับผิดก็เพียงในจำนวนเงิน 500 บาท ที่จำเลยเอาไป ดังนี้ แม้โจทก์จะสืบได้ไม่สมฟ้องจำเลยก็ยังคงต้องรับผิดใช้เงินเท่าที่ให้การรับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 1 มกราคม 2500 จำเลยที่ 1 ยืมเงินโจทก์ไป 9,500 บาท รับเงินไปครบแล้ว สัญญาให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนดส่งใช้เงินคืนภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2501 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ถึงกำหนดโจทก์ทวงถาม จำเลยก็ผัดผ่อนจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้กู้เงินโจทก์ และจำเลยที่ 2 มิได้ค้ำประกันจำนวนเงิน 9,500 บาทดังฟ้อง จำเลยที่ 1 เคยยืมเงินโจทก์เพียง 500 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยเพียงแต่ลงนามในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเท่านั้น มิได้กรอกจำนวนเงินและไม่มีชื่อผู้เขียนกับพยานแต่อย่างใดจำนวนเงินตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์อ้าง โจทก์กับพวกสมคบกันปลอมขึ้น โดยลงจำนวนเงินผิดไปจากที่กู้กันจริง โจทก์จึงจะมาฟ้องเรียกไม่ได้ ขอให้ยกฟ้องหรือถ้าจะให้จำเลยรับผิดก็เพียงในจำนวนเงิน 500 บาท เท่าที่จำเลยได้เอาเงินไป
ศาลชั้นต้นเชื่อตามที่จำเลยนำสืบ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์มีพิรุธฟังเป็นความจริงไม่ได้ฝ่ายจำเลยนำสืบสมข้อต่อสู้ แต่อย่างไรก็ดี จำเลยยอมรับเข้ามาในคำให้การแก้คดีว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจริงเพียง 500 บาท จำเลยที่ 1 ก็ควรชดใช้ให้โจทก์เท่าจำนวนที่จำเลยได้ยอมรับ ส่วนจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ด้วย พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 500 บาท กับดอกเบี้ยถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ใช้หรือใช้ไม่ครบ ให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันชดใช้แทน
โจทก์ฎีกาขอให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องว่าหนี้ 500 บาท ยืมเพื่อเล่นการพนันเป็นโมฆะ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์เบิกความขัดแตกต่างกันส่อข้อพิรุธจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปตามจำนวนเงินที่ฟ้องแต่จำเลยให้การยอมรับว่าได้กู้ไปจริงเพียงจำนวนเงินห้าร้อยบาทซึ่งโจทก์ฟ้องจำนวนเงินกู้ถึง 9,500 บาท แต่ก็สืบไม่สมจึงไม่มีทางรับฟังคงรับฟังเป็นความจริงได้เท่าที่จำเลยรับ
ส่วนฎีกาของจำเลยที่กล่าวอ้างปัดความรับผิดโดยเบิกความว่าเป็นการกู้ยืมในการเล่นโปนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การแต่อย่างใด เพิ่งจะมาปรากฏในคำเบิกความอันเป็นการนำสืบนอกเหนือไปจากคำให้การ จึงรับฟังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน