คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญากันว่า ยอมสละสิทธิ์และหน้าที่ปกครองบุตรของโจทก์ตลอดจนทรัพย์สินตามพินัยกรรม์ ให้โจทก์ผู้เป็นมารดาเป็นผู้ปกครองต่อไปตามกฎหมาย แต่มีข้อผูกมัดโจทก์ว่า โฉนดสำหรับที่ดินตามพินัยกรรม์ซึ่งยกให้แก่บุตรนั้น โจทก์ยอมมอบให้จำเลยเป็นผู้รักษาไว้ก่อน จนกว่าผู้รับมฤดกจะบรรลุนิติภาวะ โจทก์จะไม่ขายหรือก่อภาระติดพันแก่ทรัพย์รายนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนี้ ไม่ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯ ม. 1690 และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาสมบูรณ์บังคับได้.

ย่อยาว

เนื้อเรื่องแห่งคดีนี้มีว่า เดิมพระยาสุรินทราชา(นกยูงวิเศษกุล) ได้ทำพินัยกรรม์ยกที่ดินโฉนดที่ ๑๙๖๕ ให้แก่บุตรธิดา ๖ คนซึ่งเกิดกับโจทก์ผู้เป็นภริยาน้อย แต่ตั้งให้คุณหญิงเนื่อง สุรินทราชาเป็นผู้ปกครองทรัพย์รายนี้จน กว่าบุตรธิดาทั้ง ๖ คนนั้นจะบรรลุนิติภาวะ และห้ามมิให้โจทก์เข้าเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์รายนี้ ต่อมาเมื่อพระยาสุรินทราชาวายชนม์แล้ว โจทก์ได้ฟ้องคุณหญิงเนื่อง เรียกสินเดิมและขอแบ่งสินสมรสส่วนของตน ในที่สุดโจทก์และคุณหญิงเนื่องได้ทำสัญญาปราณีประนอมกันนอกศาล บอกเลิกความกันโดยคุณหญิงเนื่องยอมจ่ายเงินให้โจทก์ ๔๐๐๐ บาทและยอมสละสิทธิ์และหน้าที่ปกครองบุตรโจทก์ตลอดจนทรัพย์สินตามพินัยกรรม์ให้โจทก์ผู้เป็นมารดาเป็นผู้ปกครองต่อไปตามกฎหมาย แต่มีสัญญาผูกมัดโจทก์อยู่ข้อหนึ่งว่า โฉนดสำหรับที่ดินรายนี้โจทก์ยอมมอบให้นายบุญสม วิเศษกุลจำเลยในคดีนี้เป็นผู้รักษาไว้จนกว่าผู้รับมฤดกทั้ง ๖ คนนั้น จะบรรลุนิติภาวะ โจทก์จะไม่ขายหรือก่อภาระติดพันแก่ทรัพย์รายนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรครั้นต่อมาโจทก์ต้องการจำนองทรัพย์รายนี้โดยอ้างว่าต้องการเงินไปใช้จ่ายเลี้ยงดูและให้การศึกษาเด็กทั้ง ๖ คนนั้น จึงขออนุญาตแก่จำเลยตามสัญญา แต่จำเลยไม่อนุญาต โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้อ้างว่าสัญญานั้นขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยสภาพก็ไม่สมบูรณ์ ข้อกำหนดในสัญญาจึงไม่ผูกมัดโจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่า สัญญาข้อนี้ไม่สมบูรณ์ ถ้าหากศาลเห็นว่าสมบูรณ์ก็ให้ศาลชี้ขาดว่า จำเลยไม่ให้หนังสืออนุญาตโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร ให้ศาลบังคับจำเลยให้จำเลยทำหนังสืออนุญาตหรือถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา และให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อทำจำนองต่อไป
ในวันพิจารณาโจทก์จำเลยตกลงท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อเดียวว่า สัญญาปราณีประนอมรายนี้สมบูรณ์หรือไม่ ถ้าศาลเห็นว่าไม่สมบูรณ์จำเลยยอมคืนโฉนดให้โจทก์ หากศาลเห็นว่า สัญญานั้นสมบูรณ์ก็ให้พิพากษายกฟ้อง ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพะยาน
ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า สัญญารายนี้เป็นเรื่องที่คุณหญิงเนื่อง ตั้งให้โจทก์เป็นผู้ปกครองทรัพย์แทนตน ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯ ม. ๑๖๙๐ ย่อมไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลที่จะใช้บังคับได้ จึงพิพากษาให้จำเลยส่งโฉนดให้โจทก์ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
ศาลฎีกาประชุมใหญ่เห็นว่า ในปัญหาข้อที่ว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความฉะบับนี้เป็นเรื่องที่คุณหญิงเนื่อง ตั้งให้โจทก์เป็นผู้ปกครองแทนผู้เยาว์ตามคำวินิจฉัยของศาลแพ่งหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า หาใช่เรื่องแต่งตั้งผู้ปกครองไม่เป็นแต่เพียงคุณหญิงเนื่องถอนตนออกจากการเป็นผู้ปกครองตามพินัยกรรม์ และส่วนผู้ปกครองต่อไปก็ยอมได้แก่โจทก์ผู้เป็นมารดาของผู้เยาว์ตามกฎหมาย ส่วนข้อที่ตกลงให้จำเลยเป็นผู้รักษาโฉนด ถ้าโจทก์จะก่อภาวะติดพันให้แก่ทรัพย์รายนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยก่อนนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะควบคุมโจทก์เพื่อประโยชน์แก่ผู้เยาว์ทั้ง ๖ คนขึ้นอีกเปลาะหนึ่งเท่านั้นเท่านั้น เพราะเมื่อจำเลยให้อนุญาตแล้ว โจทก์ก็จะต้องปฏิบัติตามฏฎหมายที่บังคับต่อไป จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนประการใด สัญญานี้จึงสมบูรณ์ ข้อที่โจทก์คัดค้านว่า เรื่องนี้เมื่อศาลแพ่งพิพากษาแล้ว ก็ควรจะเด็ดขาด อุทธรณ์ ฎีกาไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม. ๑๓๘ นั้น ก็เห็นว่าบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมานี้ เป็นเรื่องที่คู่ความยอมกันในประเด็นแห่งคดี โดยศาลมิพักต้องวินิจฉัยปัญหาอะไรอีก เป็นแต่พิพากษาไปตามข้อตกลางที่ยอมกันนั้น แต่ในคดีนี้เป็นเรื่องที่ท้ากันไว้ให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อกฎหมายที่โต้เถียงกัน ย่อมอุทธรณ์,ฎีกาได้ จึ่งพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share