คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7411/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า คดีอยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่จะพิจารณาพิพากษาหรือไม่ จำเลยให้การว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ แต่ในชั้นชี้สองสถานศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องนี้ไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้ง เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมา จำเลยก็มิได้ยกเรื่องนี้ขึ้นโต้แย้งอีก แสดงว่าจำเลยยอมรับอำนาจศาลและไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจศาล จึงถือว่าล่วงเลยเวลาที่จะพิจารณาปัญหาตามอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่อาจส่งให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด และหุ้นส่วนผู้จัดการ ตามลำดับ ร่วมกันชำระเงิน ๒,๒๓๒,๗๐๖.๘๕ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๙ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และขอให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันชำระเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๙.๗๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ขอให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสามให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงิน ๒,๒๓๒,๗๐๖.๘๕ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๙ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวเป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๙ ต่อปี ของต้นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจะชำระเป็นเงินบาทให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตามอัตราถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครโดยอาศัยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นวันทำการในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์ ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าว ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเช่นว่านั้นก่อนวันมีคำพิพากษา หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ครบ ให้ยึดทรัพย์ที่จำเลยที่ ๒ จำนองไว้ และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินไปชำระแก่โจทก์จนกว่าจะครบ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า… พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่า โจทก์ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์และวิเทศธนกิจในประเทศไทย สำหรับกิจการวิเทศธนกิจอนุญาตให้เปิดสาขาที่จังหวัดชลบุรีด้วย เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ผ่านสำนักงานวิเทศธนกิจของโจทก์ สาขาจังหวัดชลบุรี โดยกำหนดเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ คิดดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคารพาณิชย์ในประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ สำหรับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกาประเภทผู้กู้เป็นผู้รับภาระภาษีบวกด้วยส่วนเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี ปรากฏตามหนังสือสินเชื่อธนาคารเอกสารหมาย จ. ๙ และจำเลยที่ ๑ ได้รับเงินกู้จำนวนประมาณ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากโจทก์ไปแล้ว ในวันเดียวกัน จำเลยที่ ๑ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. ๑๒ ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ. ๑๓ และจำเลยที่ ๒ จดทะเบียนจำนองที่ดิน ๒ แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตามสัญญาจำนอง หนังสือสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนอง หนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย จ. ๑๔ ถึง จ. ๑๗ เป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ ในวงเงิน ๖๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทด้วย จำเลยที่ ๑ ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์หลายคราว และโจทก์ต่ออายุสินเชื่อให้แก่จำเลยที่ ๑ หลายครั้ง แต่ละครั้งจำเลยที่ ๑ จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินระบุจำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ มอบให้โจทก์ทุกครั้ง มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามในข้อแรกว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่จะพิจารณาพิพากษาหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสามให้การว่า สัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ เป็นการกู้ยืมเงินภายในประเทศ คดีไม่อยู่ในอำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ แต่ในชั้นชี้สองสถานศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องนี้ไว้ และจำเลยทั้งสามมิได้โต้แย้งและเมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมา จำเลยทั้งสามก็มิได้ยกเรื่องนี้ขึ้นโต้แย้งอีกเช่นกัน แสดงว่าจำเลยทั้งสามยอมรับอำนาจศาล และไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจศาล เมื่อจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขึ้นมา จึงถือว่าล่วงเลยเวลาที่จะพิจารณาปัญหานี้แล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่อาจส่งให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยได้ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจะชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเงินสกุลบาท ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ใช้เงิน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ ๖,๐๐๐ บาท.

Share