แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ข้อตกลงการจ้างเหมาบริการระหว่างจำเลยกับ อ. จะระบุว่า การว่าจ้างตามข้อตกลงนี้ไม่ทำให้ผู้รับจ้างมีฐานะเป็นลูกจ้างของทางราชการ หรือมีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นลูกจ้างของผู้ว่าจ้างตามกฎหมายแรงงานก็ตาม แต่ข้อตกลงอื่นที่ระบุไว้ประกอบพฤติการณ์การมอบหมายงานซึ่งกำหนดเวลาทำงาน การสั่งการให้ อ. รับมอบหมายงานในแต่ละวันตามแต่ดุลพินิจของผู้ว่าจ้าง ตลอดจนการควบคุมความประพฤติของ อ. ในระหว่างการปฏิบัติงานอันมีลักษณะการบังคับบัญชาให้ อ. ทำตามคำสั่งการของผู้ว่าจ้างโดย อ. มิได้ปฏิบัติงานอย่างอิสระ มุ่งเพียงผลสัมฤทธิ์ของงานดังเช่นการจ้างทำของแล้ว การจ้างเหมาบริการระหว่างจำเลยกับ อ. จึงมีลักษณะเป็นการจ้างแรงงาน หาใช่เป็นการจ้างทำของ อ. จึงมีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยและเป็นเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เมื่อ อ. กระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามมาตรา 5
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 28,279 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 26,773.13 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 28,279 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 26,773.13 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 15 ธันวาคม 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ หมายเลขทะเบียน กค 7826 สตูล จากอธิชา (ไม่ปรากฏว่าเป็นบุรุษหรือสตรี) ผู้เอาประกันภัย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ในระหว่างระยะเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย นายอัครเดช ผู้รับจ้างเหมางานบริการพนักงานขับรถยนต์จากจำเลย ขณะขับรถยนต์ราชการของจำเลย หมายเลขทะเบียน 1 กร 8368 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนยนตรการกำธร ตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล มุ่งหน้าตำบลฉลุง เพื่อไปส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยทำการซ่อมตู้บริการข้อมูลข่าวสารการเกษตร Kiosk กระทำการขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักเฉี่ยวชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยได้รับความเสียหาย โจทก์ซ่อมแซมรถยนต์ที่รับประกันภัยไปเป็นเงิน 26,773.13 บาท แล้วรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาเรียกร้องให้จำเลยรับผิด
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 หรือไม่ เห็นว่า แม้ข้อตกลงการจ้างเหมาบริการ ข้อ 9.1 ระบุว่า การว่าจ้างตามข้อตกลงนี้ ไม่ทำให้ผู้รับจ้างมีฐานะเป็นลูกจ้างของทางราชการ หรือมีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นลูกจ้างของผู้ว่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน หรือกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่ข้อตกลงอื่นซึ่งระบุไว้กลับกำหนดรายละเอียดของงานว่ามีลักษณะการจ้างเหมาเป็นงานบริการพนักงานขับรถยนต์ของฝ่ายบริหารทั่วไป ศูนย์สารสนเทศการเกษตรของจำเลยมีระยะเวลาการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนเป็นเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 ชำระค่าจ้างเป็นงวด งวดละ 1 เดือน รวม 6 งวด กำหนดรายละเอียดการทำงานว่าผู้รับจ้างต้องมารับมอบงานที่ฝ่ายบริหารทั่วไปในเวลา 8.30 นาฬิกา และส่งมอบงานในเวลา 16.30 นาฬิกา ในวันเวลาราชการ ผู้รับจ้างต้องมาปฏิบัติงานทุกวันราชการและลงนามในใบลงลายมือชื่อทุกวัน ในงวดสัญญารอบ 6 เดือน ผู้รับจ้างจะหยุดได้ไม่เกินเดือนละ 4 วัน โดยผู้ว่าจ้างอาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงเวลาการรับมอบงานและส่งมอบงานได้ตามความเหมาะสมของงานที่ต้องปฏิบัติในแต่ละวัน ทั้งข้อสัญญาเกี่ยวกับรายละเอียดขอบเขตและเงื่อนไขการจ้างยังกำหนดความประพฤติของผู้รับจ้างว่าต้องเป็นผู้มีความสุภาพเรียบร้อย ไม่มีพฤติกรรมต่อต้าน หรือไม่เป็นมิตรต่อผู้ว่าจ้าง ไม่ใช้สถานที่ปฏิบัติงานเป็นสถานที่มั่วสุมอบายมุข และปฏิบัติตนตามข้อกำหนดในการใช้สถานที่ตามข้อกำหนดของทางราชการ และในวันเกิดเหตุ นายอัครเดชได้รับคำสั่งจากนางสาวนงนุช นักวิชาการสถิติเชี่ยวชาญ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศของจำเลยให้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยเพื่อดำเนินการซ่อมตู้บริการข้อมูลข่าวสารการเกษตร Kiosk ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขากระบี่ จังหวัดกระบี่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสตูล จังหวัดสตูล อันเป็นงานในราชการของจำเลย เมื่อพิจารณารายละเอียดการทำงานตามข้อตกลงการจ้างเหมาบริการประกอบพฤติการณ์การมอบหมายงานซึ่งกำหนดเวลาทำงาน การสั่งการให้นายอัครเดชรับมอบหมายงานในแต่ละวันตามแต่ดุลพินิจของผู้ว่าจ้าง ตลอดจนการควบคุมความประพฤติของนายอัครเดชในระหว่างการปฏิบัติงานอันมีลักษณะการบังคับบัญชาให้นายอัครเดชทำการตามคำสั่งการของผู้ว่าจ้างโดยนายอัครเดชมิได้ปฏิบัติงานอย่างอิสระมุ่งเพียงผลสัมฤทธิ์ของงานดังเช่นการจ้างทำของแล้ว การจ้างเหมาบริการระหว่างจำเลยกับนายอัครเดชจึงมีลักษณะเป็นการจ้างแรงงาน หาใช่เป็นการจ้างทำของดังที่จำเลยฎีกาไม่ นายอัครเดชจึงมีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยและเป็นเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เมื่อนายอัครเดชกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามมาตรา 5 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ