คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่12ปีถึง16ปีอยู่ในความปกครองของบิดามารดาจำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณีการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้มิได้เต็มใจไปค้าประเวณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสอง1กรรมและมาตรา283วรรคสาม3กรรมและฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317วรรคสาม3กรรมและมาตรา319วรรคหนึ่ง1กรรมแต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสามกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 283,317, 318
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตาม ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 83, 283 วรรคสาม , 317 วรรคสาม , 318 วรรคสามการกระทำ ของ จำเลย ทั้ง สาม เป็น ความผิด หลายกรรม ต่างกัน เรียง กระ ลงลงโทษ ฐาน พา หญิง ไป เพื่อ สำเร็จความใคร่ ของ ผู้อื่น และ เพื่อ การ อนาจารจำคุก คน ละ 12 ปี ฐาน พา เด็ก และ ผู้เยาว์ ไป เพื่อ หา กำไร หรือ เพื่อการ อนาจาร อันเป็น ความผิด กรรมเดียว กัน ลงโทษ ตาม มาตรา 317 วรรคสามซึ่ง เป็น บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก คน ละ 6 ปีรวมเป็น จำคุก คน ละ 18 ปี
จำเลย ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม , 319 วรรคแรก การกระทำของ จำเลย เป็น กรรมเดียว ผิด ต่อ กฎหมาย หลายบท ให้ ลงโทษ ตาม ประมวล กฎหมายมาตรา 317 วรรคสาม อันเป็น บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก คน ละ 6 ปี ข้อหา อื่น ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ปัญหา ตาม ฎีกา โจทก์ ว่า จำเลย ทั้ง สามกระทำผิด ฐาน เพื่อ สำเร็จความใคร่ ของ ผู้อื่น เป็น ธุระ จัดหา ล่อ ไปหรือ ชัก พา ไป เพื่อ การ อนาจาร ซึ่ง หญิง โดย อุบาย หลอกลวง หรือไม่โดย วินิจฉัย ว่าการ กระทำ ของ จำเลย ทั้ง สาม จึง เป็น การกระทำ เพื่อสำเร็จความใคร่ ของ ผู้อื่น เป็น ธุระ จัดหา ล่อ ไป หรือ ชัก พา ไป เพื่อการ อนาจาร ซึ่ง หญิง โดย ใช้ อุบาย หลอกลวง จำเลย ทั้ง สาม จึง เป็น การกระทำตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง และ วรรคสาม
ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สาม มี ว่า จำเลยทั้ง สาม กระทำผิด ฐาน พราก ผู้เยาว์ หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ ว่า ผู้เสียหาย ทั้ง สี่ มี อายุ อยู่ ระหว่าง ตั้งแต่ 12 ปี ถึง16 ปี อยู่ ใน ความ ปกครอง ของ บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือ ผู้ดูแล จำเลย ทั้ง สามชักชวน ให้ ผู้เสียหาย ทั้ง สี่ ไป ทำงาน ที่ ร้าน อาหาร แห่ง หนึ่ง ใน ภาคใต้แล้ว พา ไป ประกอบ อาชีพ โสเภณี การกระทำ ดังกล่าว จึง เป็น การ ร่วมกันพราก ผู้เสียหาย ทั้ง สี่ ไป เสีย จาก บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือ ผู้ดูแลโดย ปราศจาก เหตุอันสมควร เพื่อ การ อนาจาร ทั้ง ผู้เสียหาย ทั้ง สี่เพียงแต่ เต็มใจ ไป ทำงาน ที่ ร้าน อาหาร แห่ง หนึ่ง ใน จังหวัด ภาคใต้มิได้ เต็มใจ ไป ค้าประเวณี จึง ถือไม่ได้ว่า ผู้เยาว์ เต็มใจ ไป ด้วยแต่ โจทก์ มิได้ ฎีกา ศาลฎีกา จึง พิพากษา ลงโทษ จำเลย ตาม มาตรา 318วรรคสาม ไม่ได้
อนึ่ง แม้ ทางพิจารณา จะ ได้ความ ว่า จำเลย ทั้ง สาม กระทำ ความผิดฐาน เป็น ธุระ จัดหา พา ไป เพื่อ การ อนาจาร ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283วรรคสอง 1 กรรม และ มาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และ ฐาน พราก เด็กและ ผู้เยาว์ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรมและ มาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม นั้น โจทก์ บรรยายฟ้อง โดย ไม่มีรายละเอียด ให้ เห็นว่า โจทก์ ประสงค์ ให้ ลงโทษ ทุกกรรม ศาล จะ ลงโทษจำเลย ทั้ง สาม ใน แต่ละ กรรม นอกเหนือ จาก คำฟ้อง และ คำขอ ของ โจทก์หาได้ไม่ จึง ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283วรรคสาม กรรมเดียว
พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 283 วรรคสอง และ วรรคสาม , 317 วรรคสาม , 319 วรรคหนึ่งให้ ลงโทษ ตาม มาตรา 283 วรรคสาม เพียง กรรมเดียว จำคุก คน ละ 12 ปีข้อหา อื่น ให้ยก

Share