แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาทด้วย จำเลยให้การว่าเช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ค่าเสียหายของโจทก์อย่างสูงไม่เกินเดือนละ 50 บาทในการพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าจะพิพาทกันเฉพาะประเด็นที่ว่า ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครองฯหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสียไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไป คือถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทเป็นเคหะโจทก์ยอมแพ้ ถ้าวินิจฉัยว่าไม่เป็นเคหะ จำเลยยอมแพ้ดังนี้ เมื่อศาลฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ จำเลยแพ้คดีตามคำท้า จำเลยก็ต้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทด้วยจะอ้างว่าคู่ความตกลงสละประเด็นข้อค่าเสียหายแล้ว ศาลพิพากษาให้ชำระค่าเสียหายเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและเกินคำขอดังนี้ หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าบ้านเลขที่ 10 ของโจทก์เป็นสถานที่ประกอบการค้า ค่าเช่าเดือนละ 50 บาท การเช่ามิได้ทำเป็นหนังสือและไม่ได้กำหนดเวลาเช่าจำเลยผิดสัญญาค้างค่าเช่า 6 เดือน 300 บาทเป็นการค้างชำระเกินกว่า 2 คราวติด ๆ กัน โจทก์บอกเลิกสัญญา จำเลยไม่ยอมออกขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท ให้ใช้ค่าเช่าที่ค้าง 300 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายที่โจทก์อาจให้คนเช่าได้อีกเดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า เช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ค่าเช่าค้างเพราะโจทก์ไม่มาเก็บตามปกติ จำเลยได้ส่งไปให้ทางธนาณัติ จะถือว่าผิดนัดไม่ได้ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงถามจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ ค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกินเดือนละ 50 บาทเท่าค่าเช่า
ทางพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าจะพิพาทกันต่อไปเฉพาะประเด็นที่ว่าห้องรายนี้จำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสียไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไป ต่อมามีการตกลงเพิ่มเติมปรากฏตามรายงานพิจารณาว่า ตามที่คู่ความตกลงกันไว้ในรายงานพิจารณาฉบับก่อนว่าจะพิพาทกันต่อไปเฉพาะประเด็นที่ว่าห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครอง ฯลฯ หรือไม่นั้น ศาลสอบเพิ่มเติม คู่ความรับกันว่า ที่ตกลงกันเช่นนั้นหมายความว่า ถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทเป็นเคหะได้รับความคุ้มครอง ฯลฯ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะจำเลยยอมแพ้
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อทำการค้า ไม่เป็นเคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ฉะนั้น จำเลยต้องแพ้คดีตามที่ตกลงกัน พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 300 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกข้อที่บังคับให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 300 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในรายงานฉบับแรกจะมีข้อตกลงกันว่า”ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสีย ไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไป” อันชวนให้เข้าใจว่าคู่ความไม่ติดใจว่ากล่าวกันในประเด็นอื่นก็ดี แต่ในรายงานฉบับหลัง คู่ความได้ขยายข้อตกลงเพิ่มเติมว่าถ้าศาลฟังว่าห้องพิพาทเป็นเคหะ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าฟังว่าไม่ใช่จำเลยยอมแพ้ จึงเห็นว่าคู่ความตกลงให้เป็นการยอมกันตลอดทั้งคดีคือ ยอมกันในประเด็นข้ออื่นด้วย มิใช่สละประเด็นข้อค่าเสียหายดังจำเลยฎีกา เมื่อห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ จำเลยแพ้คดีตามคำท้าก็ต้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทด้วย ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็นและเกินคำขอ
พิพากษายืน