แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกล่าวต่อหน้าลูกบ้านของโจทก์ว่าโจทก์เป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม เป็นผู้ใหญ่บ้านหมา ๆ บ้า ๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป เพราะราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมิได้อ้างถึงข้อความจริงอันใดที่จะให้จำเลยแสดงความคิดเห็นเป็นเช่นนั้น ทั้งผู้ได้ยินได้ฟังก็มิได้รู้ถึงความจริงอันควรจะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นดังจำเลยกล่าว แต่กลับจูงใจให้เกิดความเชื่อว่าโจทก์ไม่ควรแก่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน จึงไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต ให้ผู้ฟังได้วินิจฉัยเอาเองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ลูกบ้านอาจเกลียดชัง ดูหมิ่นได้ เป็นความผิดตามมาตรา 326 แล้ว
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยสำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๕ คน สมคบกันนำความไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ได้โฆษณาต่อหน้าประชาชนในหมู่บ้านหนองจิกใส่ความจำเลยที่ ๑ ว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่มีศีลธรรม เป็นคนไม่ดี บ้า ๆ หมา ๆ จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปลดออกฯ ซึ่งเป็นความเท็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๓, ๑๗๔, ๘๓ และให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้ง ๕ ให้การต่อสู้ว่า ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
สำนวนหลังนายพันเป็นโจทก์ ฟ้องนายฮวดว่าบังอาจกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าราษฎรหมู่บ้านหนองจิกว่า “วันนี้เวลาบ่ายจะเอาผู้ว่าราชการจังหวัดมาปลดนายพัน (โจทก์) ออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านไม่ดี ไม่มีศีลธรรม อ้ายผู้ใหญ่บ้านหมา ๆ บ้า ๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป ราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖
นายฮวดจำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า นายฮวดกล่าวถ้อยคำดังนายพันฟ้องจริง การที่นายพันไปแจ้งพนักงานสอบสวนและจำเลยพวกนายพันให้การต่อพนักงานสอบสวน จึงไม่เป็นแจ้งเท็จและไม่เป็นละเมิด นายฮวดเรียกค่าเสียหายไม่ได้ ส่วนถ้อยคำที่นายฮวดกล่าวนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นชิชมด้วยความเป็นธรรม ยังไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถ้อยคำที่นายฮวดกล่าวทำให้นายพันเสียชื่อเสียง และเมื่อฟังว่านายฮวดกล่าวถ้อยคำดังที่นายพันฟ้องจริง นายพันกับพวกก็ไม่มีผิดฐานแจ้งเท็จ และไม่ต้องใช้ค่าเสียหาย จึงพิพากษาแก้ว่า นายฮวดมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ปรับ ๕๐๐ บาท
นายฮวดฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีที่นายฮวดเป็นโจทก์นั้น เมื่อข้อเท็จจริงทางอาญาถึงที่สุดฟังได้ว่านายพันกับพวกจำเลยไม่ได้แจ้งเท็จแล้ว การวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามนั้นจึงไม่เป็นละเมิด นายฮวดไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ศาลทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว ส่วนคดีที่นายพันโจทก์หาว่านายฮวดจำเลยหมิ่นประมาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่านายฮวดได้กล่าวถ้อบยคำต่อหน้าราษฎรบ้านหนองจิกว่า นายพันซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมา ๆ บ้า ๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป เพราะราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า นายฮวดจำเลยมิได้อ้างถึงข้อความจริงอันใดให้จำเลยแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น ทั้งผู้ได้ยินได้ฟังมิได้รู้ถึงความจริง อันควรจะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นดังจำเลยกล่าว แต่จำเลยยืนยันข้อเท็จจริงให้ผู้ฟังเชื่อว่า นายพันธ์โจทก์เป็นคนไม่ดี เป็นคนไม่มีศีลธรรม พร้อมทั้งกล่าวคำหยาบคายดูหมิ่นต่อท้ายซ้ำเติมด้วยว่าความเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรมนั้น ถึงขนาดไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้าน ราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน มิใช่แสดงความคิดเห็นให้ผู้ฟังได้วินิจฉัยเอาเองแต่กลับจูงใจให้เกิดความเชื่อว่าไม่เป็นผู้ควรแก่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เพราะเหตุที่เป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม จึงไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ คำกล่าวของจำเลยทำให้นายพันโจทก์เสียชื่อเสียง ลูกบ้านอาจเกลียดชัง ดูหมิ่นได้ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ แล้ว
ฯลฯ
พิพากษายืน