แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับว่าได้ทำลายฝายพนังกั้นน้ำจริง แต่เพื่อให้น้ำลดพอดำข้าวได้ ดังนี้ถือว่ารับสารภาพตามฟ้องแล้ว เป็นแต่อธิบายนอกออกไปว่า ไม่ใช่ปฏิเสธฟ้องโจทก์อย่างใด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดทำลายฝายพนังฮ่องหูลิงของทางราชการเสียหายเป็นราคาเงิน ๑๙๙ บาท ๒๕ สตางค์ จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้เปิดช่องฝายพนังนี้ให้น้ำไหลออกจริงเพื่อให้น้ำลดลง เพราะนาจำเลยเป็นที่ลุ่มปักดำข้าวไม่ขึ้น แต่เมื่อจำเลยเปิดช่องน้ำแล้ว แรงน้ำที่ดันออกได้ทำให้ฝายพนังพังมากขึ้น โจทก์จำเลยไม่สืบพะยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ไม่ผิดพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ จึงลงโทษจำคุกจำเลย ๑ เดือน ๑๕ วัน.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำให้การจำเลยยังถือว่าจำเลยให้การรับสารภาพไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยมิไดอุทธรณ์ แต่เมื่อวินิจฉัยคดีดังนี้จำเลยก็ต้องได้รับประโยชน์ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำให้การจำเลยดั่งนี้ ฟังได้ว่าจำเลยรับสารภาพตามฟ้องแล้ว ส่วนที่นอกเหนือไปนั้นเป็นแต่คำอธิบายการกระทำของจำเลยที่ได้กระทำไป มิใช่กล่าวขัดแย้งหรือปฏิเสธฟ้องโจทก์เลย จำเลยจึงต้อมมีผิดตามฟ้องโจทก์ แตที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์นั้นไม่ตรงกับการกระทำของจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยจึงไม่มีผิด พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยตามกฏหมายลักษณอาญามาตรา ๑๙๑ ซึ่งเป็นทบหนัก จำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน แต่ให้รอการลงอาญาไว้.