คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อที่พิพาทมี ส.ค.1 แล้ว ก็แสดงว่าเป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองและทำประโยชน์อยู่แล้ว ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5. และในเมื่อเป็นที่ที่ทำประโยชน์อยู่แล้วเช่นนี้ เพียงแต่มีคำรับรองจากนายอำเภอก็โอนกันได้ตามมาตรา 9. โดยมีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 72. ดังนั้นผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนตามคำพิพากษาตามยอมได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300. ด้วยเหตุนี้ แม้ที่ดินจะยังเป็นของจำเลยอยู่ก็ตาม แต่โจทก์ก็จะบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นให้กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องดังกล่าวแล้วหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511).

ย่อยาว

คดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์นำพนักงานบังคับคดียึดที่ดินส.ค.1 ของจำเลย 1 แปลงเพื่อขายทอดตลาด ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องได้มาตามคำพิพากษาในคดีแพ่งแดงที่ 38/2509 โดยจำเลยในคดีนี้ยอมยกที่ดินดังกล่าวตีราคาใช้หนี้ให้ผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง และขอให้ปล่อยการยึดทรัพย์ โจทก์ให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย ยังมิได้จดทะเบียนโอนให้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ยังมิได้เข้าครอบครองและไม่มีการส่งมอบการครอบครอง ผู้ร้องไม่มีอำนาจที่จะอ้างเอาคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งแดงที่ 38/2509 มายันโจทก์เพื่อร้องขัดทรัพย์โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ได้นำยึดที่ดินแล้ว จึงมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง คู่ความรับกันว่าที่พิพาทเดิมเป็นของจำเลยคดีแพ่งแดงที่38/2509 มีชื่อจำเลยเป็นผู้แจ้งสิทธิครอบครองในหนังสือแจ้งสิทธิครอบครอง ส.ค.1 จำเลยถูกผู้ร้องฟ้องเรื่องผิดสัญญากู้เงิน แล้วทำยอมความยกที่พิพาทให้ผู้ร้อง แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนลงชื่อผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์พิพาท โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่พิพาทอันเป็นที่มือเปล่าตีใช้หนี้ให้ผู้ร้อง แม้ศาลจะพิพากษาตามยอมแล้ว ก็ยังหาทำให้ผู้ร้องได้ที่พิพาทไปโดยคำพิพากษาตามยอมเพราะสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยจะไปโอนทะเบียนให้ถือได้เพียงว่ามีเจตนาจะสละการครอบครองเท่านั้น สิทธิการครอบครองยังคงอยู่กับจำเลย พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทมี ส.ค.1 แล้ว แสดงว่าเป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองและทำประโยชน์อยู่แล้วตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 เมื่อเป็นที่ที่ทำประโยชน์อยู่แล้ว เพียงแต่มีคำรับรองจากนายอำเภอตามนั้นก็โอนกันได้ตามมาตรา9 เป็นธรรมดา โดยมีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินมาจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 72 ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนตามคำพิพากษาบังคับตามยอมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 แล้ว การที่โจทก์บังคับคดียึดที่ดินแปลงนี้ แม้จะยังเป็นของจำเลยอยู่ ก็เป็นการกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้อง อันผู้ร้องอาจขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมายดังกล่าวแล้วนั้น โจทก์จะบังคับคดีแต่ทรัพย์สินนั้นให้กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องดังกล่าวแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share