แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่เอกชนยื่นฟ้องกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) โดยซื้อมาจากเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน และไม่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร และเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน” การออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ฟ้องคดีซื้อที่ดินโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และพนักงานเจ้าหน้าที่ก็มิได้คัดค้านว่า น.ส. ๓ ก. ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีคำสั่ง เพิกถอน น.ส. ๓ ก. อ้างว่า ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยกอุทธรณ์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามยื่นคำให้การว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต้องห้ามมิให้ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แม้ผู้ฟ้องคดีจะซื้อที่ดินมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจอ้างการได้สิทธิในที่ดินดังกล่าวได้ การออก น.ส. ๓ ก. โดยไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของผู้ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีฟ้องคดีนี้โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่าตนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเป็นสำคัญ การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรและเขตป่าสงวนแห่งชาติ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม