แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังแล้วทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้งสองได้ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์เสียดสีกัน ทำให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดฐานมีเครื่องห้ามล้อใช้การไม่ได้ ให้ปรับ 100 บาท ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
อัยการและโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้ง 2 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 29 (4) และกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความใน พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) ข้อ 4 และกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 ให้ลงโทษตาม มาตรา 252 ซึ่งเป็นบทหนักนอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามศาลชั้นต้น
นายประดิษฐ์ เปรมโยธิน ทนายจำเลยที่ 1 และนายขำ พงศ์หิรัญทนายจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาแทนจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยตาม มาตรา 182 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น ทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลยศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจะพิจารณาโดยเปิดเผยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปได้
พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์