คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7389/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีการัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ0.500กรัมดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก0.98กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ประมาณเกินว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3แต่เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบว่ามีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2จำนวน16เม็ดไว้ในครอบครองจริงจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา62วรรคหนึ่ง,106วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 16 เม็ด น้ำหนัก 0.98 กรัมซึ่งมีปริมาณน้ำหนักเกินกว่า 0.500 กรัม ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 11,62, 106, 106 ทวิ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 11, 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ จำคุก 5 ปี คำรับชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี 6 เดือน
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 16 เม็ด รวมน้ำหนัก0.98 กรัมและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยทั้งสองมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ของกลางเกินกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 59 ซึ่งได้บัญญัติว่า “ให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วย” กับมาตรา 4ได้บัญญัติว่า “วัตถุตำรับ” ให้หมายความว่า สิ่งปรุงไม่ว่าจะมีรูปลักษณะใดที่มีวัตถุออกฤทธิ์รวมอยู่ด้วย ฯลฯ” โดยนำมาพิเคราะห์เข้าด้วยกันแล้วก็จะเห็นได้ว่า ความหมายคือ สิ่งปรุงไม่ว่าจะมีรูปลักษณะใดที่มีวัตถุออกฤทธิ์ประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมรวมอยู่ ให้ถือว่าเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยทั้งหมดโดยไม่ถือจำนวนวัตถุออกฤทธิ์ว่ามีจำนวนที่แท้จริงผสมอยู่จำนวนเท่าใดเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าวัตถุของกลางจำนวน16 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.98 กรัม ซึ่งจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นผู้ครอบครอง มีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2ปรุงผสมอยู่จริง ก็ต้องฟังว่าขณะที่จำเลยทั้งสองกระทำความผิดวัตถุของกลางทั้งหมดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ที่มีเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดตามนัยแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นแต่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีการัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือ ประเภท 2 ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 85 (พ.ศ. 2536) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวนปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินประมาณ0.500 กรัม เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก0.98 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538) เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 แต่เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบว่า มีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2จำนวน 16 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี คำรับชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 เดือนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ2 เดือน ต่อครั้งในเวลา 1 ปี ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาททุกประเภทและยาเสพติดให้โทษทุกชนิด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share