แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันจำเลยและจำเลยร่วมไม่มีสิทธิยกเอาระยะเวลาฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทภายใน1ปีตามป.พ.พ.มาตรา1375ขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ยึดถือครอบครองอยู่ก่อนได้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน มือเปล่าตั้ง อยู่ หมู่ ที่ 4 ตำบล บางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัด ชลบุรี เมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2531 จำเลย ได้ บุกรุก เข้า ไป ปัก เสา และ ขึง รั้วลวดหนาม ใน ที่ดิน ดังกล่าว ของ โจทก์ ทาง ทิศตะวันออก เข้า ไป ใน ที่ดินของ โจทก์ เนื้อที่ ประมาณ 2 ไร่ 1 งาน และ ทาง ทิศใต้ เนื้อที่ ประมาณ2 ไร่ 2 งาน ขอให้ บังคับ จำเลย รื้อถอน ลวดหนาม ออก ไป ให้ พ้น ที่ดินดังกล่าว ของ โจทก์ โดย ค่าใช้จ่าย ของ จำเลย เอง
จำเลย ให้การ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น เนินเขา ดิน ซึ่ง เป็น สาธารณสมบัติของ แผ่นดิน และ เป็น ที่ดิน ที่อยู่ ใน ความ ครอบครอง ของ นาย วิวัฒน์ ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม และ ขาดอายุความ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 แล้ว ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา นาย วิวัฒน์ พงษ์สุขเวชกุล ยื่น คำร้องขอ เข้า เป็น จำเลยร่วม อ้างว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ ผู้ร้อง ซึ่ง ได้ ให้ จำเลยกับพวก เป็น ผู้ดูแล และ ถือเอา คำให้การ จำเลย เป็น ส่วน หนึ่ง ของ คำให้การของ ผู้ร้อง ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่า โจทก์ ไม่มี สิทธิ ครอบครอง ที่ดินพิพาทซึ่ง จำเลย ปัก เสา และ ขึง รั้ว ลวดหนาม พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ จำเลย และ จำเลยร่วม รื้อถอน เสา คอนกรีตและ รั้ว ลวดหนาม ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท อันเป็น ที่ สาธารณสมบัติ ของแผ่นดิน ซึ่ง ตั้ง อยู่ หมู่ ที่ 4 ตำบล บางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัด ชลบุรี
จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “เห็นว่า คดี นี้ ราคา ทรัพย์สิน หรือ จำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาท กัน ใน ชั้นฎีกา ไม่เกิน 200,000 บาท ห้าม มิให้คู่ความ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง สำหรับ กรณี ของ จำเลย และ จำเลยร่วม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ ยึดถือ ครอบครอง ที่ดินพิพาท จึง มีสิทธิ ดีกว่า จำเลย และ จำเลยร่วม การ ที่ จำเลย และ จำเลยร่วมฎีกา ว่า โจทก์ ไม่ได้ ฟ้อง เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ภายใน1 ปี นับแต่ วันที่ ถูก แย่ง การ ครอบครอง คดี ของ โจทก์ จึง ขาดอายุความตาม ประมวล ของ ศาล อันเป็น ปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกา ของ จำเลย และ จำเลยร่วมเป็น ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ต้องห้าม ฎีกา ตาม กฎหมาย ดังกล่าว ข้างต้นศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ส่วน ที่ จำเลย และ จำเลยร่วม ฎีกา ว่า โจทก์ไม่ได้ ฟ้อง เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ ถูก แย่ง การ ครอบครอง คดี ของ โจทก์ จึง ขาดอายุความ ตาม ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 1375 นั้น เห็นว่า ที่ดินพิพาท เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับ พลเมือง ใช้ ร่วมกัน กรณี จึง ไม่ต้อง ด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จำเลย และ จำเลยร่วม ไม่มีสิทธิ ยก เอา ระยะเวลา ฟ้อง เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ภายใน1 ปี ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าว ขึ้น เป็น ข้อต่อสู้ โจทก์ ได้ ฎีกา ของจำเลย และ จำเลยร่วม ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน