คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497 มีอำนาจตามมาตรา 9แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ดำเนินกิจการได้หลายประการ การที่โจทก์ให้จำเลยใช้บริการโทรศัพท์แล้วคิดค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนด ถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำรับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับจากการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) ซึ่งโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าบริการภายใน 2 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าบริการคดีนี้เกิน 2 ปี จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้เช่าโทรศัพท์จากโจทก์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2525 ถึงเดือนกันยายน 2525 และเดือนธันวาคม 2525ถึงเดือนสิงหาคม 2527 จำเลยไม่ยอมชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์เป็นเงิน 90,016 บาท เป็นการผิดเงื่อนไขในสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าและงดให้บริการโทรศัพท์แก่จำเลยพร้อมทั้งหักเงินประกันจำนวน 1,500 บาท ชำระหนี้ไป จำเลยคงต้องชำระหนี้โจทก์เป็นเงิน 88,516 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ยอมชำระโจทก์จึงขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดขอให้บังคับให้จำเลยชำระค่าเช่า ค่าบริการใช้โทรศัพท์และดอกเบี้ยเป็นเงิน 101,793 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 88,516 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการตลอดมาไม่เคยค้างชำระ โจทก์ได้ยกเลิกสัญญาและโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์พร้อมหนี้สินทั้งหมดให้แก่ผู้เช่าสืบแทนจำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว คดีโจทก์ขาดอายุความและฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 900 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการค้าหากำไร การดำเนินกิจการต่าง ๆของโจทก์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน โจทก์จึงมิใช่ผู้ค้ารับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะทำให้มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้บริการเพียง 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการและนำมาซึ่งความเจริญของกิจการโทรศัพท์เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน และกิจการบางอย่างโจทก์จะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนก็ตาม ก็มิได้หมายความว่าโจทก์จะเป็นผู้ค้าไม่ได้ เมื่อดูตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า โจทก์มีอำนาจดำเนินกิจการได้หลายประการ เช่นมีอำนาจ ซื้อ เช่า ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม จัดหา จำหน่ายทำการแลกเปลี่ยน โอนและรับโอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ให้บริการต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการโทรศัพท์ กำหนดอัตราค่าเช่าค่าดำเนินธุรกิจต่าง ๆ และค่าบริการอื่น ๆ ของกิจการโทรศัพท์ ซึ่งผู้ดำเนินกิจการเช่นนี้นับว่าเป็นผู้ค้ำนั่นเอง การที่โจทก์ให้จำเลยใช้บริการโทรศัพท์แล้วคิดค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดขึ้นย่อมถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับจากการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) ซึ่งโจทก์จะต้องเรียกร้องเอาค่าบริการภายใน 2 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าใช้บริการคดีนี้เกิน 2 ปี จึงขาดอายุความที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า หนี้ค่าบริการดังกล่าวขาดอายุความชอบแล้ว คดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าหนี้ค่าใช้บริการดังกล่าวมีจำนวนเท่าใดต่อไป
พิพากษายืน

Share