แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไปเพราะฟ้องแย้งนั้นจะต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยต่อไปเป็นหลักอยู่ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้ง 4 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ เป็นบุตรนายจุ่นนางเตย ดาวเลิศ นางเตยมีกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่มีโฉนด 1 แปลง โดยนางแก้วมารดานางเตยทำพินัยกรรมยกให้ ต่อมานางเตยวายชนม์ โจทก์ได้ครอบครองต่อมาจำเลยอ้างตนเป็นเจ้าของที่ดินและเรือน จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าพินัยกรรมของนางแก้วชอบด้วยกฎหมาย ให้นางเตยเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้น และให้โจทก์ซึ่งเป็นบุตร รับมรดกนางเตยเป็นเจ้าของที่ดินและเรือนอย่าให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นายจุ่นไม่มีอำนาจฟ้องคดีเพราะไม่ได้เป็นสามีชอบด้วยกฎหมายของนางเตย จึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายประจวบ กับพวก และขอให้ศาลแบ่งทรัพย์มรดกระหว่างโจทก์จำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่านายจุ่นไม่ใช่บิดาโดยชอบของผู้เยาว์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ได้ ส่วนฟ้องแย้งนั้น จำเลยเป็นหญิงมีสามีและสามียังมีชีวิตอยู่ การฟ้องขอแบ่งมรดก ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสามีก่อนพิพากษายกฟ้องและยกฟ้องแย้งของโจทก์จำเลยแต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะฟ้องร้องใหม่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า นายจุ่นไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์ แต่นายจุ่นมีอำนาจต่อสู้คดีแทนผู้เยาว์ที่จำเลยฟ้องแย้งได้ในฐานะผู้ปกครอง
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายจุ่นไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์และศาลพิพากษายกฟ้องแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไป เพราะฟ้องแย้งนั้นจะต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยต่อไปเป็นหลักอยู่ด้วย
พิพากษายืน