คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาและเป็นทายาทของ ถ.ผู้ตายจำเลยเป็นภริยาของ ถ..ก่อนตายถ.มีที่ดินมรดก 2 แปลง จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้โอนรับมรดกเอาเป็นของตนแต่ผู้เดียวเป็นการปิดบังเอาทรัพย์มรดกเกินส่วนที่ควรจะได้รับ ขอให้ศาลพิพากษากำจัดจำเลยไม่ให้รับมรดกของ ถ.แต่ได้ความว่าหลังจากถ.ตาย โจทก์จำเลยได้พากันไปที่สำนักงานที่ดิน แล้วโจทก์ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำบันทึกความว่า ที่โจทก์ยื่นคัดค้านการที่จำเลยขอรับมรดกของ ถ.นั้น โจทก์ขอถอนยอมให้จำเลยเป็นผู้รับมรดกแต่ผู้เดียว แล้วโจทก์พิมพ์มือโดยมีพยานรับรอง 2 คน ดังนี้เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งผูกพันโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกเอาส่วนแบ่งมรดก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายถนอมเป็นบุตรโจทก์ จำเลยเป็นภริยานายถนอมพ.ศ. 2520 นายถนอมถึงแก่กรรม นายถนอมมีที่ดินโฉนดเลขที่ 2499กับบ้าน 1 หลังที่จังหวัดนครนายกเป็นสินส่วนตัวและมีที่ดินสินสมรสกับจำเลยคือโฉนดเลขที่ 3122 ที่จังหวัดนครนายก จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วโอนรับมรดกเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว อันเป็นการฉ้อฉลและปิดบังเอาทรัพย์มรดกเกินส่วนที่ควรจะได้รับ จึงถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามกฎหมาย ขอให้พิพากษากำจัดมิให้จำเลยรับมรดกของนายถนอม ให้มรดกดังกล่าวตกได้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว

จำเลยให้การว่า ที่ดินแปลงแรกเป็นสินสมรสระหว่างนายถนอมกับจำเลยเรือนไม้นั้นนายถนอมปลูก ส่วนแปลงที่ 2 เป็นสินส่วนตัวของจำเลย โจทก์ได้รับเงิน 56,000 บาทแล้ว สัญญาว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินอื่น ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรมมีนายโฮมรับมรดกความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2499 เป็นสินสมรสเป็นมรดกของนายถนอมกึ่งหนึ่ง ส่วนแปลงโฉนดเลขที่ 3122 เป็นสินส่วนตัวของจำเลยฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยถูกกำจัดมิให้รับมรดกส่วนของนายถนอมให้โฉนดเลขที่ 2499 และเรือนตกได้แก่โจทก์แต่ผู้เดียว

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าหลังจากนายถนอมถึงแก่กรรมประมาณ 5 เดือน โจทก์และจำเลยได้พากันไปสำนักงานที่ดินจังหวัดนครนายก จำเลยขอจดทะเบียนรับโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 2499 ส่วนที่เป็นมรดกของนายถนอมตามเอกสารหมาย จ.5 ส่วนโจทก์ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกถ้อยคำไว้ตามเอกสารหมาย ล.7 ซึ่งมีข้อความว่า “ตามที่นางสร้อยสุวรรณ ทองไพ ได้มาขอรับมรดกของนายถนอมทองไพ ไว้ตามที่ดินแปลงเครื่องหมายดังกล่าวข้างบนนี้ไว้นั้น ข้าฯเป็นบิดาของเจ้ามรดกมีสิทธิที่จะได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้ร่วมด้วยกับผู้ขอ แต่ข้าฯ ไม่มีความประสงค์ที่จะรับมรดกที่ดินแปลงนี้ ฉะนั้นขอให้เจ้าพนักงานที่ดินโอนมรดกที่ดินแปลงนี้ให้แก่นางสร้อยสุวรรณผู้ขอต่อไปได้แต่ฝ่ายเดียว หากเกิดการเสียหายใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วข้าฯ ขอยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น” เอกสารนี้มีลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์และมีพยานรับรองสองคน ศาลฎีกาเห็นว่าเอกสารดังกล่าวมีลักษณะเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นในภายหน้า โดยโจทก์ยอมสละที่ดินมรดกส่วนของตนให้จำเลย เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 เอกสารหมาย ล.7จึงมีผลผูกพันโจทก์ตามมาตรา 852 ซึ่งโจทก์จะเลิกสัญญาดังกล่าวนี้โดยจำเลยมิได้ยินยอมหาได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งที่ดินพิพาท

ส่วนเรือนพิพาทนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ยกให้นายถนอมจึงเป็นมรดกของนายถนอม เรือนหลังนี้ปลูกอยู่ในที่ดินมรดกเป็นส่วนควบของที่ดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับมรดกเรือนพิพาทเช่นกันไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความ

พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด

Share