แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึง รับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงิน ค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง 5 เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลย ดังที่คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำ เลยได้./
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างแก่โจทก์ และยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเสีย.
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาล พร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.ม.วิแพ่งมาตรา ๒๒๔ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึงรับไว้ พิจารณาตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๑/๒๔๙๙ และที่ ๑๘๐๖/๒๔๙๒ จึงพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย จำหน่ายคดีเสียจากสารบบ ความ
จำเลยฎีกาให้รับอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ เป็นเวลาหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำ พิพากษาา ทั้งเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง ๔ เดือนเศษแล้ว คดีไม่มีเหตุที่จะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลย จึงให้ยกฎีกาจำเลย.