คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 731/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บันทึกนำส่งรายงานการเดินทางและรายงานการใช้จ่ายค่าพาหนะและค่าที่พักของตำรวจซึ่งอ้างว่าไปราชการ ข้อความในเอกสารเหล่านี้เป็นความเท็จ และจำเลยได้ปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชาว่าได้ตรวจเอกสารเหล่านี้แล้วเพื่อจำเลยจะได้ใช้เอกสารเหล่านี้เบิกเงินจากทางราชการกรมตำรวจ เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ.

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงมีว่า จำเลยทั้งสามเป็นตำรวจสันติบาล ได้ร่วมกันทำบันทึกกับรายงานการเดินทาง และรายงานการใช้จ่ายค่าพาหนะและค่าที่พักในการไปราชการต่างจังหวัด อันเป็นความเท็จทั้งสิ้น ทั้งยังบันทึกในเอกสารเหล่านั้นว่า ตรวจแล้ว และปลอมลายเซ็นของผู้บังคับบัญชาลงใต้คำว่า ตรวจแล้ว นั้น ต่อมาได้นำเอกสารเหล่านี้เสนอผู้บังคับบัญชาชั้นสูงขึ้นไปอีก เพื่อให้เซ็นชื่อรับรองและส่งไปให้กองการเงินขอเบิกเงินตามจำนวนในเอกสารเหล่านั้น เพื่อหักใช้เงินที่จำเลยที่ ๑ ได้ขอยืมทดรองเพื่อไปราชการในครั้งนี้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
จำเลยฎีกาฝ่ายเดียวว่า เอกสารเหล่านี้ไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๖(๑) เพราะจำเลยทำขึ้นในการเบิกหักผลักส่งเงินที่จำเลยที่ ๑ ยืมไปจากทางราชการตำรวจ และเมื่อจำเลยปลอมลายเซ็นผู้บังคับบัญชาใต้คำว่า “ตรวจแล้ว” แสดงว่าเจ้าพนักงานดังกล่าวได้ตรวจและรับรองเอกสารนั้นตามหน้าที่ อันเป็นผลให้จำเลยอยู่ในฐานะที่จะเบิกหักผลักส่งเงินที่จำเลยที่ ๑ ยืมไปจากทางราชการ
พิพากษายืน.

Share