คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7309/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ทั้งสี่จะไม่ใช่คู่ความในคดีก่อน แต่มูลแห่งสิทธิอันเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้อง คือ สิทธิแห่งทายาทในการรับมรดกแทนที่บิดามารดาของตน เรียกร้องเอาที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกเดียวกันของผู้ตายเช่นเดียวกับโจทก์ในคดีก่อน จึงเป็นกรณีทายาทมีสิทธิรับมรดกแทนที่ทายาทในลำดับเดียวใช้สิทธิแห่งความเป็นทายาทของผู้ที่ตนเข้าแทนที่ฟ้องเรียกเอาทรัพย์มรดก ถือว่าเป็นการฟ้องในนามทายาททุกคน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสามชนะคดี คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความรวมถึงทายาทที่มีสิทธิรับมรดกแทนที่ทายาทนั้นเช่นเดียวกับคู่ความด้วย คำฟ้องโจทก์คดีนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามเพิกถอนจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 31 ตำบลหัวเขา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และกับจำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 1เพิกถอนการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และการออกแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) หรือแบ่งที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสี่และทายาทที่เหลือตามส่วนแห่งสิทธิ ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสาม หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์ทั้งสี่ในคดีนี้และโจทก์ทั้งสี่ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1170/2555 คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 137/2556 ของศาลชั้นต้นนั้น ล้วนเป็นทายาทของนายหะยีสัน และนางฝาย๊ะ ซึ่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 137/2556 ของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงท้ากันเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในคดีนี้ และศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และคำรับของคู่ความเพียงพอวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งงดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 เห็นว่า แม้โจทก์ทั้งสี่จะเป็นคนละคนกับโจทก์ทั้งสี่ในคดีก่อน แต่มูลแห่งสิทธิอันเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องคือสิทธิแห่งทายาทในการรับมรดกแทนที่บิดามารดาของตนเรียกร้องเอาที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายรายเดียวกันเช่นเดียวกับโจทก์ทั้งสี่ในคดีก่อน กล่าวคือ โจทก์ที่ 1 และที่ 4 อ้างมูลแห่งสิทธิในการรับมรดกแทนที่นางมิน๊ะ เช่นเดียวกับโจทก์ที่ 2 คดีก่อน โจทก์ที่ 2 อ้างมูลแห่งสิทธิในการรับมรดกแทนที่นายมะแอเช่นเดียวกับโจทก์ที่ 4 คดีก่อน และโจทก์ที่ 3 อ้างมูลแห่งสิทธิในการรับมรดกแทนที่นางฝาติม๊ะเช่นเดียวกับโจทก์ที่ 1 ในคดีก่อนเป็นกรณีทายาทหลายคนมีสิทธิรับมรดกแทนที่ทายาทในลำดับเดียวกันคนหนึ่ง การที่ทายาทคนใดคนหนึ่งในจำนวนหลายคนนั้นใช้สิทธิแห่งความเป็นทายาทของผู้ที่ตนเข้าแทนที่ฟ้องเรียกเอาทรัพย์มรดก ถือได้ว่าเป็นการฟ้องในนามทายาททุกคนที่มีสิทธิรับมรดกแทนที่ผู้มีสิทธิรับมรดกซึ่งตนอาจขอเข้าแทนที่ได้ทุกคน เมื่อโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ในคดีก่อนใช้สิทธิในการรับมรดกแทนที่นางฝาติม๊ะ นางมิน๊ะและนายมะแอ ตามลำดับ ฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกเอาส่วนแบ่งที่ดินพิพาทโดยกล่าวอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของนายหะยีสันและนางฝาย๊ะอันอาจตกได้แก่บุคคลทั้งสาม และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นฝ่ายชนะคดีตามคำท้าแล้ว คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความซึ่งรวมถึงทายาทที่มีสิทธิรับมรดกแทนที่ทายาทนั้นๆ เช่นเดียวกับคู่ความด้วย คำฟ้องโจทก์ทั้งสี่คดีนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 137/2556 ของศาลชั้นต้น พิพากษายืนให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์รวม 3,000 บาท แทนจำเลยทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ที่ว่า คำฟ้องของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 137/2556ของศาลชั้นต้น นั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share