คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7308/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้การที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายคดีก่อนจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/14(3) แต่ก็ปรากฏว่าศาลในคดีดังกล่าวเห็นชอบตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ค่าสินค้าที่ลูกหนี้ค้างชำระ ซึ่งเจ้าหนี้มิได้อุทธรณ์ คำสั่งศาลในคดีดังกล่าวจึงถึงที่สุด ต้องถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/17และมาตรา 193/18 ดังนั้น เมื่อเจ้าหนี้นำหนี้ค่าสินค้าดังกล่าวมาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปมูลหนี้ดังกล่าวจึงขาดอายุความตามมาตรา 193/34(1) จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้(จำเลย) ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2540 เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าเป็นเงินจำนวน 2,180,077.48 บาทจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า เจ้าหนี้มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่อาจใช้สิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระราคาค่าสินค้ามูลหนี้ดังกล่าวจึงขาดอายุความเห็นสมควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 107(1)

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้

เจ้าหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2535 ถึงเดือนธันวาคม 2535นายฮี้กวง แซ่จึง ได้สั่งซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเจ้าหนี้ในนามลูกหนี้ ลูกหนี้ค้างชำระค่าสินค้าเป็นเงิน 2,096,504.50 บาท และหนี้ตามเช็ค จำนวน 593,719 บาท ต่อมาวันที่ 14 มีนาคม 2537เจ้าหนี้นำมูลหนี้ดังกล่าวยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัทสยามไฮเทคการไฟฟ้า จำเลยที่ 1 และนายฮี้กวง แซ่จึงจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.30/2537 ของศาลแพ่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้พิจารณาทำความเห็นเสนอต่อศาลให้ยกคำขอรับชำระหนี้ค่าสินค้าที่ค้างจำนวน 2,096,504.50บาท เพราะเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ก่อขึ้น ไม่ใช่หนี้ของบริษัทสยามไฮเทคการไฟฟ้า จำกัด จำเลยที่ 1 ส่วนหนี้ตามเช็คจำนวน 593,719 บาทนายฮี้กวง จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้ได้ศาลแพ่งเห็นชอบตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2540เจ้าหนี้ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม 2540 เจ้าหนี้นำมูลหนี้ค่าสินค้าที่ศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้มาฟ้องลูกหนี้เป็นคดีนี้และศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2540 เจ้าหนี้นำมูลหนี้ดังกล่าวมายื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เมื่อวันที่ 4มีนาคม 2541 ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้นำหนี้ดังกล่าวขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่ เจ้าหนี้ฎีกาว่า การที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.30/2537 ของศาลแพ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้วันที่ 14 มีนาคม 2537 จนถึงวันที่ 22พฤษภาคม 2540 ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหมายแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบว่าเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้เพียงบางส่วน เจ้าหนี้นำมูลหนี้ส่วนที่ไม่ได้รับชำระหนี้นั้นมาฟ้องลูกหนี้เมื่อวันที่ 14สิงหาคม 2540 จึงไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า แม้การที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.30/2537ของศาลแพ่งจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามบทบัญญัติมาตรา 193/14(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แต่ก็ปรากฏว่าศาลแพ่งเห็นชอบตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ค่าสินค้าที่ลูกหนี้ค้างชำระจำนวน 2,096,504.50 บาท ซึ่งเจ้าหนี้มิได้อุทธรณ์ คำสั่งศาลแพ่งดังกล่าวจึงถึงที่สุด ต้องถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตามบทบัญญัติมาตรา 193/17 และมาตรา 193/18 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อเจ้าหนี้นำหนี้ค่าสินค้าดังกล่าวมาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540 จึงพ้นกำหนด2 ปี นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป มูลหนี้ดังกล่าวจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(1)จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94(1) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share