แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 พิมพ์ข้อความในหนังสือขอเลิกจ้างการเป็นครูใส่ความโจทก์ และปิดประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่วไป ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่า ข้อความตามเอกสารที่จำเลยที่ 1 จัดทำขึ้นเป็นความจริง และฟ้องแย้งว่าโจทก์นำเอาข้อความในเอกสารดังกล่าวมาฟ้องจำเลยทั้งสองหลายคดี ทั้งคดีอาญา คดีแรงงานและคดีแพ่ง เป็นการฟ้องคดีโดยไม่สุจริตเพื่อให้จำเลยทั้งสองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นการฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุในการฟ้องแตกต่างกับคำฟ้องเดิม จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาอันมีผลเท่ากับไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ได้กระทำการตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ละเมิดต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยที่ ๑ ได้ลงพิมพ์ข้อความในหนังสือขอเลิกจ้างการเป็นครูใส่ความโจทก์และเปิดเผยข้อความในหนังสือดังกล่าวต่อผู้มีชื่อ และต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ลงพิมพ์ข้อความประกาศเรื่องการพ้นจากหน้าที่ครูใส่ความโจทก์ แล้วนำเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวไปปิดประกาศโดยเปิดเผยไว้ทั่วโรงเรียนเพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า ข้อความตามเอกสารดังกล่าวเป็นความจริง จำเลยทั้งสองจำเป็นต้องปิดประกาศเพื่อป้องกันมิให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดและป้องกันชื่อเสียงของโรงเรียน ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์นำเอาสาเหตุจากเอกสารดังกล่าวมาฟ้องจำเลยทั้งสองหลายคดี ทั้งคดีอาญา คดีแรงงานและคดีนี้ เป็นการฟ้องคดีโดยไม่สุจริต เพื่อให้จำเลยทั้งสองเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่จำเลยทั้งสอง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง รวมทั้งคำให้การโจทก์แก้ฟ้องแย้ง แล้วทำการชี้สองสถาน กำหนดประเด็นข้อพิพาท และนัดสืบพยานโจทก์ก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ดังนั้นคำสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง คำสั่งรับคำให้การ โจทก์แก้ฟ้องแย้ง รวมทั้งการชี้สองสถาน เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ จึงให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวเสียทั้งหมด แล้วชี้สองสถานใหม่
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าขึ้นศาล (ตามฟ้องแย้ง) จำนวน ๑๒๕,๑๐๐ บาท แก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเพียงข้อเดียวว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องเป็นใจความสำคัญว่า จำเลยที่ ๑ ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๑ พิมพ์ข้อความในหนังสือขอเลิกจ้างการเป็นครูใส่ความโจทก์ และปิดประกาศโฆษณาทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า โจทก์ประพฤติชั่ว ไม่เหมาะสมที่จะเป็นครู เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณและทางทำมาหาได้ของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีว่า ข้อความตามเอกสารที่จำเลยที่ ๑ จัดทำขึ้นเป็นความจริง ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ และฟ้องแย้งว่าโจทก์นำเอาข้อความในเอกสารดังกล่าวมาฟ้องจำเลยทั้งสองหลายคดี ทั้งคดีอาญา คดีแรงงานและคดีนี้ เป็นการฟ้องคดีโดยไม่สุจริตเพื่อให้จำเลยทั้งสองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย เห็นได้ว่า ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุในการฟ้องแตกต่างกับคำฟ้องเดิม ดังนั้นฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาอันมีผลเท่ากับไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.