แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย แม้จะเป็นการเริ่มต้นแบบคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 แต่คำร้องขอของผู้ร้องมีเจตนาเพื่อใช้สิทธิทางศาลเพื่อยังให้ได้รับการรับรองคุ้มครองในสิทธิของตนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 55 คำร้องขอของผู้ร้องจึงเป็นคำคู่ความตามความหมายมาตรา 1 (5) อันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือส่วนได้เสียของบุคคลที่สาม นอกจากนี้คำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าวยังเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิแห่งสภาพบุคคล สิทธิในครอบครัว และสิทธิในการรับมรดกของผู้ตาย เมื่อพิจารณาประกอบกับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่กล่าวว่า การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องกระทบกระเทือนต่อส่วนได้เสียหรือสิทธิในการรับมรดกผู้ตายในส่วนของผู้คัดค้านและทายาทอื่นด้วย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านข้อเท็จจริงตามคำร้องขอของผู้ร้องได้
ผู้ร้องทราบก่อนยื่นคำร้องขอแล้วว่า ผู้ตายมีผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย และทราบที่อยู่ของทายาทที่เป็นผู้จัดการมรดกด้วย จึงอยู่ในวิสัยและเงื่อนไขที่ผู้ร้องสามารถส่งสำเนาคำร้องขอ และแจ้งวันนัดไต่สวนด้วยการส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องขอโดยวิธีธรรมดาให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 72 ได้ ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะส่งคำคู่ความโดยวิธีอื่นตามมาตรา 79 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องขอและแจ้งวันนัดไต่สวนโดยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์ ย่อมทำให้ผู้คัดค้านและทายาทไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ไม่มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องก่อนตามมาตรา 21 (2) ถือเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมในการส่งคำคู่ความ กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา 27 ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุลินหรือสุจินต์
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า นายสุจินต์ (ผู้ตาย) มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายคือ นางแถม มีบุตรด้วยกัน 6 คน ได้แก่ นางฐนิตนันท์ (ผู้คัดค้าน) นางสุชญา นางพลอยนภัส นางนภา นายประเสริฐ และนางสาวพรรณพร กับมีภริยาที่อยู่กินกันโดยพฤตินัย 1 คน คือ นางดวงใจหรือดอก มีบุตรด้วยกัน 2 คน ได้แก่ นางสาวศรัญญา และนางสาวปาณิศรา วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ผู้ตายถึงแก่ความตาย พนักงานอัยการสำนักคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตาย วันที่ 7 มิถุนายน 2559 ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านและนางสาววรินทร์พรร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งรับคำร้องขอ นัดไต่สวน ให้ส่งสำเนาคำร้องขอและวันนัดไต่สวนโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วจึงมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่แจ้งวันนัดไต่สวนคำร้องขอและลงโฆษณาคำร้องขอโดยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ เนื่องจากผู้คัดค้านมีภูมิลำเนาที่ชัดแจ้งตามคำร้องขอของผู้ร้องแล้ว ศาลชั้นต้นต้องส่งสำเนาคำร้องขอให้ผู้คัดค้านได้มีโอกาสคัดค้านเสียก่อน อีกทั้งข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายมิได้อยู่กินฉันสามีภริยากับมารดาผู้ร้อง การตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอระหว่างผู้ร้องกับนางสาวศรัญญา พิสูจน์เพียงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตร นั้น เห็นว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย แม้จะเป็นการเริ่มต้นแบบคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 แต่คำร้องขอของผู้ร้องมีเจตนาเพื่อใช้สิทธิทางศาลเพื่อยังให้ได้รับการรับรองคุ้มครองในสิทธิของตนตามที่บัญญัติในมาตรา 55 คำร้องขอของผู้ร้องจึงเป็นคำคู่ความตามความหมายมาตรา 1 (5) อันเป็นการโต้แย้งกับสิทธิหรือส่วนได้เสียของบุคคลที่สาม นอกจากนี้ คำร้องขอของผู้ร้องดังกล่าว ยังเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิแห่งสภาพบุคคล สิทธิในครอบครัว และสิทธิในการรับมรดกของผู้ตาย เมื่อพิจารณาประกอบกับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่กล่าวว่า การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องกระทบกระเทือนต่อส่วนได้เสียหรือสิทธิในการรับมรดกผู้ตายในส่วนของผู้คัดค้านและทายาทอื่นด้วย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านข้อเท็จจริงตามคำร้องขอของผู้ร้องได้ โดยได้ความจากเอกสารท้ายคำร้องขอของผู้ร้องว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 พนักงานอัยการสำนักคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดขอนแก่นได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งนางแถมและผู้คัดค้านร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยบรรยายในคำร้องขอว่า ผู้ตายมีบุตรกับนางแถม 6 คน รวมผู้คัดค้าน และมีบุตรกับนางดวงใจอีก 2 คน ระหว่างไต่สวนคำร้องขอ มีนางอิสรีย์ และนางสาววรินทร์พร บุตรที่เกิดจากนางดวงใจยื่นคำร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย ศาลจังหวัดขอนแก่นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านและนางสาววรินทร์พรร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ตามเอกสารท้ายคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านก่อนวันเวลาที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอในคดีนี้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2559 ประกอบกับสำเนาคำร้องขอท้ายคำร้องขอของผู้ร้องระบุว่า ผู้คัดค้านผู้จัดการมรดกของผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 9 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เท่ากับผู้ร้องทราบก่อนยื่นคำร้องขอแล้วว่า ผู้ตายมีผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย และทราบที่อยู่ของทายาทที่เป็นผู้จัดการมรดกด้วย จึงอยู่ในวิสัยและเงื่อนไขที่ผู้ร้องสามารถส่งสำเนาคำร้องขอ และแจ้งวันนัดไต่สวนด้วยการส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องขอโดยวิธีธรรมดาให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ตามมาตรา 72 ได้ ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะส่งคำคู่ความโดยวิธีอื่นตามมาตรา 79 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องขอและแจ้งวันนัดไต่สวนโดยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์ย่อมทำให้ผู้คัดค้านและทายาทของนางแถมไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ไม่มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องก่อนตามมาตรา 21 (2) ถือว่าเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมในการส่งคำคู่ความ กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในส่วนนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา 27 ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่ให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านนั้น เป็นการไม่ถูกต้อง ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสุลินหรือสุจินต์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนการพิจารณาใหม่ตั้งแต่การส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้คัดค้านและผู้จัดการมรดกของผู้ตายแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่