คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิทธิเรียกร้องซึ่งมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา168(เดิม)หมายถึงสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยผลของคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลมิได้หมายถึงการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองซึ่งต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองตามมาตรา1375 คดีก่อนที่ศาลตัดสินว่าโจทก์(จำเลยคดีนี้)ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองพิพากษายกฟ้องไม่ได้ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องแก่โจทก์เมื่อโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จะต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกินกำหนดเวลาดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 20 ไร่ เศษ โจทก์ ได้ สิทธิ มา ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้นคดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 436/2526 ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนคดีถึงที่สุด แล้ว ต่อมา วันที่ 15-16 มกราคม 2533 จำเลย บุกรุก เข้า ไปใน ที่ดิน โจทก์ ดังกล่าว บางส่วน โจทก์ร่วม เป็น โจทก์ กับ พนักงานอัยการประจำศาล แขวง สุราษฎร์ธานี ฟ้อง จำเลย ข้อหา บุกรุก ตาม คดี หมายเลขแดงที่ 1355/2534 ศาลแขวง สุราษฎร์ธานี พิพากษายก ฟ้อง หลังจาก โจทก์ดำเนินคดี อาญา กับ จำเลย แล้ว จำเลย เข้า แย่ง การ ครอบครอง ทั้ง แปลงขอให้ ศาล พิพากษา ว่า จำเลย และ บริวาร บุกรุก เข้า ไป รบกวน การ ครอบครองของ โจทก์ ห้าม จำเลย และ บริวาร เกี่ยวข้อง ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้องเป็นต้น ไป จนกว่า ชำระ เสร็จ
จำเลย ให้การ ว่า หลังจาก ศาลอุทธรณ์ มี คำพิพากษา คดีถึงที่สุดโดย อ่าน คำพิพากษา ให้ ฟัง เมื่อ วันที่ 25 มีนาคม 2530 จำเลย ได้ แย่ง การครอบครอง ที่ดิน ของ โจทก์ ตลอดมา จำเลย มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดินโจทก์ มา ฟ้อง เพื่อ เรียก เอา ที่พิพาท คืน เกินกว่า 1 ปี แล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ ยกฟ้อง
โจทก์ จำเลย แถลงรับ ข้อเท็จจริง กัน ว่า โจทก์ เคย เป็น ผู้เสียหายและ เป็น โจทก์ร่วม ส่วน จำเลย เป็น จำเลย ที่ 1 ใน คดีอาญา หมายเลขแดงที่ 1355/2534 ของ ศาลแขวง สุราษฎร์ธานี ที่พิพาท ใน คดี นี้ เป็น ที่แปลง เดียว กับ ที่ดิน ใน คดีอาญา หมายเลขแดง ที่ 1355/2534 ของศาลแขวง สุราษฎร์ธานี และ เป็น ที่ แปลง เดียว กับ ที่ดิน ใน คดีแพ่งหมายเลขแดง ที่ 436/2526 ของ ศาลจังหวัด สุราษฎร์ธานี ซึ่ง ได้ อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ เมื่อ วันที่ 25 มีนาคม 2530 คดีถึงที่สุดให้ โจทก์ ชนะคดี กับ ยอมรับ ตาม สำนวน คดีอาญา หมายเลขแดง ที่ 1355/2534ของ ศาลแขวง สุราษฎร์ธานี ที่ โจทก์ จำเลย ไม่โต้แย้ง เพื่อ ให้ ศาล วินิจฉัยคดี นี้ โดย โจทก์ จำเลย ท้า กัน ใน ประเด็น เดียว ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ หรือ จำเลย มีสิทธิ ครอบครอง ที่พิพาท
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ปัญหา ที่ ต้อง วินิจฉัย มี ว่า โจทก์ ฟ้องคดีเพื่อ เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ที่พิพาท เกินกว่า หนึ่ง ปี หรือไม่ โจทก์หรือ จำเลย เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่พิพาท เห็นว่า ตาม ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 168 (เดิม ) ซึ่ง บัญญัติ ว่า สิทธิเรียกร้องอัน ตั้ง หลักฐาน ขึ้น โดย คำพิพากษา ชั้น ที่สุด ของ ศาล ให้ มี กำหนด อายุความสิบ ปี นั้น หมายถึง สิทธิเรียกร้อง เท่านั้น ที่ เกิดขึ้น โดย ผล ของคำพิพากษา ชั้น ที่สุด ของ ศาล มิได้ หมายถึง การ ฟ้องคดี เพื่อ เอาคืนซึ่ง การ ครอบครอง ซึ่ง ต้อง ฟ้อง ภายใน หนึ่ง ปี นับแต่ ถูก แย่ง การ ครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง สำหรับคำพิพากษา คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 436/2526 ของ ศาลชั้นต้น ที่ ตัดสิน ว่าโจทก์ (จำเลย คดี นี้ ) ฟ้องคดี เพื่อ เอาคืน การ ครอบครอง ที่พิพาท เกินกว่าหนึ่ง ปี นับแต่ เวลา ถูก แย่ง การ ครอบครอง พิพากษายก ฟ้อง ไม่ได้ ก่อ ให้เกิด สิทธิเรียกร้อง แก่ โจทก์ กรณี ไม่ต้อง ด้วย ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 168 (เดิม ) ที่พิพาท เป็น ที่ดิน ไม่มี หนังสือสำคัญ สำหรับ ที่ หรือ เป็น ที่ดิน มือเปล่า โจทก์ ถูก จำเลย แย่ง การ ครอบครองโจทก์ จะ ต้อง ฟ้อง เอาคืน ซึ่ง การ ครอบครอง ภายใน หนึ่ง ปี นับแต่ เวลาถูก แย่ง การ ครอบครอง เมื่อ โจทก์ ฟ้องคดี เกิน กำหนด เวลา ดังกล่าวโจทก์ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง จำเลย จึง เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่พิพาทคำพิพากษา ศาลฎีกา ที่ 2263/2528 ที่ โจทก์ อ้าง มา นั้น ข้อเท็จจริงไม่ ตรง กับ คดี นี้ ที่ ศาลชั้นต้น พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยอุทธรณ์ ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share