แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้รับพินัยกรรมลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมนั้น ไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะไปทั้งฉบับ คงตกเป็นโมฆะเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับพยานคนนั้นเท่านั้น
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งทำลายพินัยกรรม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่า พินัยกรรมฉบับนี้นางเทพผู้ตายได้ทำขึ้นโดยสุจริต แม้จะปรากฏว่านายม้อ พยานโจทก์ผู้ลงชื่อในพินัยกรรมคนหนึ่งเป็นผู้ได้รับทรัพย์บางสิ่งตามพินัยกรรม ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะไปทั้งฉบับ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา คงมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า ผู้รับประโยชน์ลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมนั้น จะทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะไปทั้งหมดหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายม้อผู้รับประโยชน์ในพินัยกรรมได้ลงชื่อเป็นพยานด้วยนั้น ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียทั้งฉบับ เพราะมาตรา 1705 บัญญัติว่า พินัยกรรมหรือข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้นถ้าได้ทำขึ้นขัดต่อบัญญัติแห่งมาตรา 1653 เป็นโมฆะ หมายความแต่เฉพาะข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งเกี่ยวแก่นายม้อผู้ลงชื่อเป็นพยานเท่านั้น ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน