คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้ามรดกตายในระหว่างที่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทยังเป็นผู้เยาว์อยู่อายุความในการฟ้องคดีมรดกนั้นยังไม่สิ้นสุดลงจนกว่าผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะครบ 1 ปีแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยในฐานะเป็นบุตรเจ้ามรดกจำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินที่โจทก์ขอแบ่ง จำเลยปกครองมาแต่ผู้เดียวเป็นเวลา 17 ปีแล้ว โดยโจทก์มิได้ปกครองร่วมด้วย จำเลยไม่เคยเลี้ยงดูโจทก์ในขณะที่โจทก์เป็นผู้เยาว์ กับตัดฟ้องว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้ร่วมมาด้วย แม้โจทก์จะเป็นเด็กไม่บรรลุนิติภาวะก็ดี ก็จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้ยืดเวลาไปอีกไม่ได้ คดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้แบ่งมรดกให้โจทก์ครึ่งหนึ่งตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยต่างเป็นบุตรผู้ตายคนละมารดา โจทก์เคยอยู่ในความปกครองของจำเลยหลังจากเจ้ามรดกตายแล้วหลายปี ภายหลังโจทก์ไปอยู่กับนายเพชรพี่ชายร่วมมารดาโจทก์เกิดปีเถาะอายุ 19 ปี เพิ่งทำการสมรสเมื่อก่อนฟ้อง 7 เดือน ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยมีผู้ปกครองตามความในมาตรา 1555 และ 1556 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะโดยทำการสมรสเมื่อก่อนฟ้องเพียง 7 เดือน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มรดกของผู้ตายจึงย่อมตกได้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่งเท่า ๆ กัน พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share