แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีข้าราชการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินของทางราชการถูกยักยอกไป อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รับทราบรายงานการสอบสวนว่าจำเลยต้องรับผิด
คำสั่งทางราชการมิให้นายอำเภอเก็บเงินไว้เกิน 8,000 บาท ถ้าเกิน ให้นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนำส่งจังหวัด แต่ถ้าติดราชการจะนำส่งเองไม่ได้ ก็ให้ตั้งกรรมการอำเภออย่างน้อย 2 นาย คุมเงินไปส่งได้ จำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอได้เก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนดจำเลยที่ 1 ติดราชการจึงสั่งตั้งกรมการอำเภอ 3 นายคุมเงินไปส่งจังหวัดโดยระบุไว้ชัดว่าต้องร่วมกันระวังรักษาและห้ามมิให้แยกย้ายจากกันตลอดเวลาที่เงินอยู่ในความรับผิดชอบ แต่จำเลย ที่ 2 ซึ่งขณะนั้นรักษาแทนนายอำเภอได้ มอบเงินให้กรมการอำเภอเพียง 2 นาย คุมเงินไปส่งเพราะกรมการอำเภออีก 1 นาย นั้นติดราชการแต่ก็ได้ให้ตำรวจอีก 2 นายร่วมทางไปด้วย ในการส่งเงิน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการคุมเงินไปด้วยกลับนั่งรออยุ่นอกห้องสรรพกรและห้องคลังจังหวัด ปล่อยให้กรรมการอีก 1 นายเอาเข้าไปส่งแต่เพียงผู้เดียว เป็นเหตุให้กรรมการผู้นั้นทำลายในนำส่งและเขียนขึ้นมาใหม่ เป็นนำเงินส่งน้อยกว่าจำนวนที่รับมอบมา แล้วยักยอกเอาเงินที่เหลือไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดฐานละเมิดเพราะจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2497 มาตรา 71, 72, 79 ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 1 ถึงแม้จะฝ่าฝืนคำสั่งเก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด แต่ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น และจำเลยที่ 1,2 ก็ได้สั่งการไปโดยชอบแล้ว ในการคุมเงินไปส่งจำเลยที่ 1, 2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง ๓ ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่องประมาทเลินเล่อในการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งจังหวัดเป็นเหตุในนายสุทิน ปัญญโชติยักยอกเงินไป ๑๙,๐๐๐ บาท แต่นายสุทินใช้เงินคืนบ้างแล้วจึงขอ ให้จำเลยร่วมกันใช้เงินที่ขาด ๑๗,๕๙๓.๑๒ บาท
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ประมาท และจำเลยที่ ๒, ๓ ต่อสู้ว่า คดีขาดอายุความ ๑ ปี แล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายสุทินปลอมใบนำส่งเงินเป็นเรื่องสุดวิสัยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในการทุจริตด้วยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ ๓ ผู้เดียวประมาทพิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๓ ใช้เงินตามฟ้อง
โจทก์ฎีกาให้จำเลยที่ ๑ , ๒ ร่วมรับผิดด้วย ส่วนจำเลยที ๑ ฎีกาข้อให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาอายุความประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ นับแต่วันผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เรื่องนี้ ทางการตั้งกรรมการสอบสวนและได้รายงานเสนอผลการสอบสวนว่าจำเลยต้องรับผิดเมื่อ ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๙ นับถึงวันฟ้อง (๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๐) ยังไม่ เกิน ๑ ปีคดีไม่ขาดอายุความ
ส่วนปัญหาความรับผิด เห็นว่า ถึงแม้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ซึ่งรักษาการแทน จำเลยที่ ๑ มิได้ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งทางราชการโดยเก็บรักษาเงินไว้เกินว่า ๘,๐๐๐ บาท เกินว่า ที่กระทรวงการคลังกำหนดก็ดี แต่ในระยะแรกที่ความเสียหาย ไม่เกิดขึ้น ความเสียหายเพิ่งเกิดขึ้นตอนที่นายสุทินกับจำเลยที่ ๓ นำเงินไปส่งคลัง ซึ่งห่างไกลกับเหตุที่จำเลยที่ ๑,๒ รักษาเงินดไว้เกินว่า ที่ทางราชการกำหนด ยังไม่พอถือว่าจำเลยที่ ๑,๒ ประมาทเลินเล่อเพราะเหตุนี้
การนำเงินส่ง มีคำสั่งกระทรวงการคลังว่า ถ้านายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนติดราชการอื่นที่สำคัญกว่า ก็ให้จัดกรมการอำเภอไปส่งแทนได้ จำเลยที่ ๑ นายอำเภอติดราชการ จึงสั่งตั้งกรรมการ ๓ นาย (คือ นายสุนทิน สมุห์บัญชีอำเภอตรี, จำเลยที่ ๓ ป่าไม้อำเภอ, นายจันทร์ อนามัยอำเภอ) ซึ่งเป็นกรรมการอำเภอนำเงินไปส่ง ซึ่งชอบด้วยระเบียบทางราชการแล้ว
ส่วนจำเลยที่ ๒ เป็นปลัดอำเภอซึ่งขณะนั้นรักษาการแทนนายอำเภอ ก็ได้ให้กรรมการ ๒ นายไปส่งเงิน เพราะกรรมการอีก ๑ นายติดราชการและอยู่ในอำนาจของจำเลยที่ ๒ ที่จะตั้งกรรมการ ๒ นายไปส่งเงินได้ ทั้งได้ให้ตำรวจอีก ๒ นายร่วมทางไปด้วย จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด
สำหรับจำเลยที่ ๓ ปรากฎว่า เวลานายสุทิน นำเงินเข้าไปส่งในห้องสรรพากรจังหวัดและคลังจังหวัด กลับนั่งรออยู่ข้างนอก ผิดจากคำสั่งของจำเลยที่ ๑ จึงให้โอกาศให้นายสุทินยักยอกเงินได้ โดยทำลายในนำส่งเขียนขึ้นใหม่ เป็นนำเงินส่งตามจำนวนใหม่ที่น้อยกว่าเดิม จำเลยที่ ๓ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ชอบด้วยกฎหมาย และเอาใจใส่ระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๗๑, ๗๒, ๗๙ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนและเกิดความเสียหายขึ้นจำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดฐานละเมิด
พิพากษาแก้