คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7295/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าใบแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไม่สมบูรณ์ เพราะสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก มิได้ลงพระนามในใบแต่งตั้ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นในเนื้อหาแห่งคดีจึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้คู่ความรื้อร้องฟ้องกันอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันกับคดีอื่นรวม 4 สำนวน โดยเรียกโจทก์ทุกสำนวนเป็นโจทก์เรียกนายบุญเสริม สว่างวรรณ จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 3929/2535ของศาลชั้นต้นเป็นจำเลยที่ 3 และเรียกนางสุนทร ภาคสุขจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 3930/2535 ของศาลชั้นต้นเป็นของจำเลยที่ 4
โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทวัดวาอาราม มีพระชินวงศ์พิพัฒน์เป็นเจ้าอาวาสผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โจทก์มอบอำนาจให้กรมการศาสนาฟ้องคดีแทน โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 4592เนื้อที่ประมาณ 11 ไร่ 25 ตารางวา จำเลยที่ 3 ได้ปลูกบ้านไม่มีเลขที่ และจำเลยที่ 4 ได้ปลูกบ้านเลขที่ 32/2อยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ปี 2529 และปี 2531 ตามลำดับต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 อยู่ในที่ดินดังกล่าวเมื่อกลางปี 2533 โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 3 และที่ 4รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์แล้ว จำเลยที่ 3 และที่ 4เพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายไม่อาจทำประโยชน์อย่างอื่นได้ต้องขาดประโยชน์รายละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน ขอให้บังคับจำเลยที่ 3 และที่ 4 พร้อมบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยคืนโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหายรายละ 5,000 บาทต่อเดือน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 4เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 2804/2534 ของศาลชั้นต้นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 รื้อถอนบ้านไม่มีเลขที่และจำเลยที่ 4 รื้อถอนบ้านเลขที่ 32/2 ถนนอิสรภาพแขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4592 ตำบลบ้านช่างหล่อ (บางเสาธง)เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ของโจทก์
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่จำเลยที่ 4 ฎีกาข้อสุดท้ายว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 เป็นฟ้องซ้ำเพราะโจทก์กับจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกัน ประเด็นข้อกล่าวหาในคดีนี้ก็เป็นประเด็นเดียวกันกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4559/2536 (ที่ถูกน่าจะเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2804/2534 ของศาลชั้นต้น) ซึ่งศาลฎีกา(ที่ถูกศาลชั้นต้น) ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหนังสือแต่งตั้งเจ้าอาวาสไม่มีลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกนั้น เห็นว่า แม้คดีทั้งสองจะมีคู่ความเป็นคู่ความเดียวกัน และมีข้อพิพาทประเด็นเดียวกันคือโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 4 และเรียกค่าเสียหายเหมือนกันก็ตามแต่คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าใบแต่งตั้งพระชินวงศ์พิพัฒน์เป็นเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไม่สมบูรณ์ เพราะสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกมิได้ลงพระนามในใบแต่งตั้งโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นในเนื้อหาแห่งคดีจึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้คู่ความรื้อร้องฟ้องกันอีก การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148”
พิพากษายืน

Share