คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าต่อกันมีข้อความว่า “ผู้ให้เช่าจะยอมให้ผู้เช่า เช่าสถานที่ต่อไปอีกคราวหนึ่งมีกำหนด 10 ปี ในอัตราค่าเช่าอย่างเดิมหรืออัตราค่าเช่าอื่นใดสุดแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน” นั้นหมายความว่าการที่โจทก์จะยอมให้จำเลยเช่าต่อไป 10 ปีนั้น อัตราค่าเช่าจะเป็นอย่างเดิมก็ดี หรืออย่างอื่นใดก็ดี โจทก์จำเลยจะต้องตกลงซึ่งกันและกันเสียก่อน ซึ่งเป็นสาระสำคัญของการเช่าตามกฎหมาย และเป็นเจตนาของคู่สัญญาด้วย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อให้จำเลยสร้างสถานีบริการน้ำมันมีกำหนด ๑๐ ปี ตามสัญญามีใจความสำคัญว่า ถ้าผู้เช่าคือจำเลยร้องขอมาหกเดือนก่อนสิ้นอายุเช่า โจทก์จะต้องให้จำเลยเช่าสถานที่ต่อไปอีกคราวหนึ่งมีกำหนด ๑๐ ปี ก่อนครบกำหนด จำเลยขอต่อสัญญาอีก ๑๐ ปี ในอัตราค่าเช่าตามเดิม โจทก์ไม่ยอม
จำเลยต่อสู้ว่า ตามสัญญาไม่ได้ให้สิทธิ์แก่โจทก์เปลี่ยนแปลงอัตราค่าเช่า โจทก์จะต้องยอมให้จำเลยเช่าต่อไปอีก ๑๐ ปี ในอัตราค่าเช่าอย่างเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เมื่อจำเลยได้ร้องขอมาหกเดือนก่อนสัญญาสิ้นสุด โจทก์จะต้องให้จำเลยเช่าต่อไปอีก ๑๐ ปี พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การเช่าทรัพย์สินนั้นผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่า ๆ ย่อมเป็นสาระสำคัญ สัญญาเช่นในคดีนี้ระบุว่า “ในอัตราค่าเช่าเดิม หรือ ในอัตราค่าเช่าอื่นใดสุดแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะตกลงซึ่งกันและกัน” ข้อความตอนนี้ใช้คำว่า “หรือ” ฉะนั้น ประโยคที่ว่า “สุดแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายแห่งสัญญาจะตกลงซึ่งกันและกัน” จึงต้องหมายความว่า การที่โจทก์จะยอมให้จำเลยเช่าสถานที่ต่อไปอีก ๑๐ ปีนั้น อัตราค่าเช่าจะเป็นอย่างเดิมก็ดีหรืออย่างอื่นใดก็ดี โจทก์จำเลยจำต้องตกลงซึ่งกันและกันเสียก่อน จะแปลว่าโจทก์จะต้องให้จำเลยเช่าต่อไปอีก ๑๐ ปี ในอัตราค่าเช่าอย่างเดิมแล้ว ผลก็จะกลายเป็นว่าข้อความในสัญญาตอนนี้ได้สิทธิแก่จำเลยฝ่ายเดียว ส่วนโจทก์นั้นไม่มีสิทธิเสนออัตราค่าเช่าเป็นอย่างอื่นซึ่งเป็นการไร้ความหมายและไม่ถูกต้องตามเจตนารมย์ของคู่สัญญา
พิพากษากลับให้จำเลยและบริวารออกจากที่เช่า ให้ส่งมอบที่เช่าและสิ่งปลูกสร้างและให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.

Share