แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพะยานที่คู่ความตกลงกันให้สืบในประเด็นข้อใดว่าถ้าพะยานเบิกความสมฝ่ายใดฝ่ายนั้นก็ชนะ ถ้าหากพะยานเบิกความนอกเหนือไปจากประเด็นข้อนั้น ถือว่าเป็นคำให้การนอกประเด็นศาลรับไว้วินิจฉัยไม่ได้
พะยานร่วม
ดุลยพินิจ
ศาลไม่จำต้องฟังคำพะยานร่วมเสมอไป
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จากจำเลย ๑๖๐๐ บาทแลกล่าวว่าจำเลยให้ที่นาโฉนดที่ ๖๖๐๑ ทำต่างดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปแต่โจทก์ตกลงซื้อนารายนี้จากจำเลย จึงตกลงทำสัญญาให้เงินมัดจำไว้แก่จำเลย ๑๒๘๐ บาท
โจทก์จำเลยตกลงสืบ ม.พะยานปากเดียวว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้เป็นสัญญากู้เงินธรรมดาหรือว่าเป็นสัญญาวางเงินมัดจำในการซื้อที่นาจากจำเลย ถ้า ม.เบิกความสมฝ่ายใดฝ่ายนั้นก็เป็นอันชนะคดี
ม.เบิกความว่าพะยานได้เขียนสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยฉะบับหนึ่ง คือโจทก์ขอซื้อที่นาแปลงนี้ราคาไร่ละ ๘๐ บาท แต่โจทก์ให้เงินจำเลยไว้ ๑๖ ชั่ง ไม่มีเป็นสัญญากู้กันเลย สัญญาที่โจทก์ส่งศาลนี้ ไม่ใช่สัญญาที่พะยานเขียนแลว่าเงินที่โจทก์มาฟ้องคือ เงินรายนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อโจทก์อ้างว่า ม.เป็นผู้เขียนสัญญา แต่ ม.เบิกความว่าไม่ได้เขียนสัญญา ทั้ง ม.ว่าเงินที่โจทก์ฟ้องหานี้ก็คือเงินรายที่โจทก์วางมัดจำซื้อนาจำเลยนั้นเองจึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า ม.เบิกความผ่ากลางว่าไม่ได้เขียนสัญญานั้น คือว่าพะยานไม่รู้เห็นในเรื่องสัญญาที่โจทก์ฟ้อง พะยานจึงรู้ไม่ได้ว่าเป็นสัญญากู้หรือสัญญามัดจำ คำเบิกความจึงไม่สมความมุ่งหมายของคู่ความ แลข้อที่ ม.เบิกความว่าเงินที่โจทก์มาฟ้องก็คือเงินรายนี้เอง เห็นว่าเป็นคำกล่าวที่นอกเหนือความมุ่งหมายของคู่ความจะรับ+เพราะเป็นคำให้การนอกประเด็นข้อตกลงกันให้สืบ ส่วนข้อที่จำเลยกล่าวว่า ม.เป็นพะยานร่วมย่อมมีน้ำหนักดีกว่าพะยานอื่น เห็นว่าศาลไม่ต้องฟังคำพะยานร่วมเสมอไป จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่พิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาคดีไปตามกระบวนความ