คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท.ผู้ตาย จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งตามข้อกำหนดพินัยกรรมได้กำหนดหน้าที่ของจำเลยให้จัดแบ่งทรัพย์มรดกโดยเร็ว การที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกของ ท.ให้โจทก์เมื่อ 2 เมษายน 2516 หลังจากที่ ท.ตายเป็นเวลา 5 ปีเศษเป็นเพราะมรดกมีหนี้สินเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก และมีทรัพย์นอกพินัยกรรมบางอย่างรวมอยู่ด้วยจำเลยจำต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน ในระหว่างจำเลยยื่นคำร้องจำเลยถูกทายาทและบุคคลภายนอกฟ้องอีก 4 คดี คดีหลังสุดได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2515 จำเลยต้องเสียเวลาต่อสู้คดีก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของกองมรดก นอกจากนี้ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์กับที่ดินมรดกบางแปลง มีหลักฐานไม่ตรงทะเบียน จำเลยต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง จึงจัดการโอนได้เป็นที่เรียบร้อย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อถ่วงเวลา แบ่งมรดกล่าช้าทำให้โจทก์เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายทวี ประเสริฐคุณ เจ้ามรดกซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ และจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ตามพินัยกรรมข้อ ๑๑ กำหนดหน้าที่ของจำเลยให้จัดแบ่งทรัพย์มรดกโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอฟังผลฟ้องร้องหรือคัดค้าน ใด ๆ ทั้งสิ้น จำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ ๑๑ ได้ก่อปัญหาเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ทำให้โจทก์ได้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมล่าช้า โดยจำเลยได้โอนที่ดินตามพินัยกรรมให้โจทก์เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๑๖ ทำให้โจทก์เสียหาย ไม่อาจเอาที่ดินมรดกมาจัดการเพื่อหารายได้ โจทก์ต้องยืมเงินผู้อื่นมาใช้จ่ายดำรงชีพเป็นเงิน ๖๑,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๖๑,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ฯลฯ
ในวันสืบพยาน คู่ความรับกันในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๖ อีกว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยเป็นคดีแพ่งรวม ๔ คดีด้วยกันคู่ความต่างแถลงไม่สืบพยานขอให้ศาลพิพากษาคดีโดยวินิจฉัยจากคำฟ้อง คำให้การและเอกสารรวมทั้งข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าวข้างต้น ประกอบสำนวนคดีแพ่งที่จำเลยอ้าง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นยุติตามคำแถลงของโจทก์จำเลยว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมของนายทวี ประเสริฐคุณ นายทวีถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายทวีเจ้ามรดกตามพินัยกรรมและตามคำสั่งศาล จำเลยได้แบ่งทรัพย์มรดกตามฟ้องโจทก์ให้โจทก์แล้วเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๑๖ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมให้โจทก์ภายหลังนายประเสริฐเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วเป็นเวลา ๕ ปีเศษ เป็นเพราะทรัพย์มรดกมีหนี้สินเกี่ยวพันอยู่กับบุคคลภายนอก และมีทรัพย์นอกพินัยกรรมบางอย่างรวมอยู่ด้วย จำเลยจำต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๙๓/๒๕๑๑ ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่จำเลยยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยถูกทายาทของเจ้ามรดกและบุคคลภายนอกฟ้องอีก ๔ คดี ในคดีหลังสุดได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ การที่จำเลยต้องเสียเวลาต่อสู้คดีก็เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของกองมรดก นอกจากนี้ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.๓ ที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์กับที่ดินมรดกบางแปลงมีหลักฐานไม่ตรงกับทะเบียนจำเลยต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง จึงจัดการโอนได้เป็นที่เรียบร้อยไม่พอฟังว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ถ่วงเวลาแบ่งมรดกล่าช้าทำให้โจทก์เสียหายจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน

Share