คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ในคดีนี้ถูกจำเลยฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ในชั้นบังคับคดีนั้นโจทก์หาว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนปักหลักรุกล้ำที่ดิน แทนที่จะปักหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลสั่งให้พนักงานศาลไปรังวัดสอบเขตใหม่ แล้วโจทก์รับรองแผนที่ที่พนักงานศาลทำขึ้นโดยลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยปักหลักรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ได้รับรองแผนที่ไว้นั้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งศาลได้พิพากษาในประเด็นเดียวกันนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์แพ้คดี จำเลยในคดีก่อนซึ่งจำเลยในคดีนี้ฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุก ในชั้นบังคับคดีโจทก์ได้ร้องต่อศาลขอให้เจ้าพนักงานออกไปรังวัดสอบเขตที่ดินจำเลย ก่อนที่พนักงานจะไปรังวัดสอบเขตที่ดิน จำเลยได้ฝังหลักเสาจากเขตแดนเดิมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์แทนที่จะฝังหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลแสดงว่าที่ที่จำเลยรุกล้ำเป็นที่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยชนะคดีโจทก์ในคดีก่อน ได้นำคำพิพากษาไปให้นายอำเภอจัดการรังวัดกำหนดเขต โจทก์ไม่ยอมออกจากที่ดิน ศาลออกหมายจับโจทก์มาขัง โจทก์ยอมออก แล้วกลับมาร้องต่อศาลขอให้พนักงานศาลรังวัดสอบเขตใหม่ ปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้เป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ยอมรับรองหลักเขตต่อพนักงานศาล โจทก์ไม่มีสิทธิมาฟ้องคดีนี้อีก เป็นการฟ้องซ้ำ
ในวันชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่า โจทก์ได้แถลงกับศาลในคดีก่อน ยอมออกจากที่ดินพิพาทที่เจ้าพนักงานศาลกำหนดเขตจำเลยไว้จริง ที่ยอมออกก็เพราะผลแห่งการบังคับคดีในคดีก่อน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาว่า ที่ซึ่งพิพาทกันในคดีนี้คือที่ซึ่งพิพาทกันในคดีก่อน และศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วให้โจทก์กับพวกในคดีก่อนออกไปจากที่พิพาท โจทก์จะมารื้อร้องฟ้องจำเลยอีกไม่ได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาททั้ง ๒ คดีไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน คดีมีประเด็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไป ฟังไม่ได้ว่าเป็นการฟ้องซ้ำ ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาไปตามรูปคดีแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามแผนที่ท้ายฟ้องทั้งสองสำนวนประกอบแผนที่สังเขปที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอทำไว้ และแผนที่ซึ่งเจ้าพนักงานศาลไปทำในชั้นบังคับคดีปรากฏว่าที่พิพาทเป็นที่แปลงเดียวกัน เมื่อที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่พิพาทแปลงเดียวกันกับในคดีก่อนซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้วว่าเป็นที่ของจำเลย และคดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์มารื้อร้องฟ้องจำเลยในประเด็นที่ศาลเคยวินิจฉัยชี้ขาดไว้และคดีถึงที่สุดแล้วขึ้นอีก โดยโจทก์จำเลยเป็นคู่ความคนเดียวกัน จึงเป็นการฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๘
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share