คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมามีฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนก่อนมีการออกโฉนดแล้วก็ดี เมื่อยังมิได้จดทะเบียนสิทธินั้น และโจทก์ได้รับโอนมาโดยมีค่าตอบแทนโดยสุจริตแลได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งโจทก์ได้และไม่มีสิทธิครอบครองที่ชายเลนให้เป็นที่กีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.ที่คู่ความมิได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกาเพียงแต่ให้ทนายความแถลงคารมนั้นศาลไม่วินิจฉัยให้
เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสิบในวันนัด (เพราะโจทก์ยื่นระบุพยานก่อนวัดนัดเพียง 1 วัน ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.88 ศาลสั่งไม่อนุญาต)ก็ชอบที่จำเลยจะขอให้ตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนนั้นโจทก์กลับระบุยื่นพยานใหม่ เมื่อจำเลยยอมให้เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง.ม.88 แล้วจำเลยจะคัดค้านให้ตัดพยานอีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องเป็นอาญาสินไหมว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินโฉนดที่ ๓๓๖๔ เนื่อที่ ๙๗ตารางวา โดยซื้อไว้จากนายไปล่ราคา ๑,๐๐๐ บาท ซื้อแล้วได้ปักรั้วไม้รวกเป็นเขตที่ดินออกไปหาชายเลนริมตลิ่งจากหน้าที่ดินจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ สมคบกันจ้างจำเลยที่ ๓ กับพวกให้รื้อถอนรั้วของโจทก์เสียหาย ๕๐ บาท แล้วปักเสาไม้แก่น ๒ ต้น ในที่ดินชายเลนหน้าที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๓๒๔,๖๓,๖๔ ให้จำเลยร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหาย ๕๐ บาท และให้รื้อถอนเสาไม้แก่น ๒ ต้นออกไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลจังหวัดปทุมธานีว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลในทางอาญา โจทก์จึงขอดำเนินข้อหาส่วนแพ่งต่อไป
จำเลยที่ ๓ รับว่าจำเลยที่ ๑ และ ๒ จ้างจำเลยที่ ๓ รื้อถอนรั้วซึ่งอยู่ในเขตของผู้ใดไม่ทราบต่อมายื่นคำให้การใหม่ร่วมกับจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ว่าที่พิพาทเป็นของนางลมุนภรรยาจำเลยที่ ๑ โจทก์บุกรุกจำเลยที่ ๑ สั่งให้จำเลยที่ ๓ รื้อจำเลยที่ ๒ เช่าที่ดินของจำเลยที่ ๑ เพื่อจอดแพ
นางลมุลภรรยาจำเลยที่ ๑ ร้องสอดว่าเป็นเจ้าของที่ดินรายพิพาทโดยได้รับมรดกจากบิดา ขอเข้าเป็นจำเลยด้วย และให้ถือเอาคำให้การของจำเลยที่ ๑,๒ ,๓ เป็นคำให้การสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีอำนาจปักเสา ๒ ต้นในที่ซึ่งถูกฟ้องนี้ได้และรั้วไม้รวกของโจทก์ซึ่งทำในที่ซึ่งผู้ร้องสอดและจำเลยที่ ๑ ครอบครองและถูกจำเลยรื้อถอนกองไว้บนตลิ่ง ต่อมาสูญหายไปจำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับห้ามจำเลยและผู้ร้องสอดเข้าเกี่ยวข้องขัดขวางหน้าที่ดินโฉนดรายนี้ของโจทก์ กับให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และผู้ร้อสอดร่วมกันรับผิดใช้มูลค่าไม้รวกของโจทก์ ๕๐ บาท ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ รื้อเสาไม้แก่น ๒ ต้น ไปให้พ้นหน้าที่ดินของโจทก์ ข้อหาเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ให้ยก ฯลฯ
นางลมุนในฐานะผู้รับมรดกความของจำเลยที่ ๑ และในฐานะผู้ร้องสอดกับจำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่ากรมธรรมซื้อขายของจำเลยทับหน้าที่ดินของโจทก์และทับที่ชายเลนด้วย ข้อเท็จจริงฟังได้ถนัดความโจทก์นำสืบว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ อนึ่งคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่รายพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนการโอนแล้วจำเลยไม่ได้โต้เถียงความข้อนี้คงต่อสู้แต่เรื่องครอบครองอย่างเดียว แม้จะฟังว่าที่ดินบางส่วนเป็นที่บนบกไม่ใช่ที่ชายเลนริมตลิ่มทั้งหมดและจำเลยได้ครอบครองติดต่อกันตลอดมามีฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนก่อนมีการออกโฉนดแล้วก็ดี แต่โฉนดรายนี้ก็ได้ออกตามใบใต่สวนถูกต้องตาม ก.ม. โจทก์รับโอนโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนโฉนดกันเรียบร้อยแล้วจำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะโต้แย้งเพิกถอนทะเบียนได้ เนื้อที่ดินบนบกหมดสิทธิไปแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิครอบครองที่ชายเลนริมตลิ่งให้เป็นที่กีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้
ที่จำเลยคัดค้านในข้อที่ว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๑๖ ก.ย.๙๕ โจทก์เพิ่งยื่นระบุพยานวันที่ ๑๕ ก.ย. ๙๕ ก่อนวันสืบเพียงวันเดียวศาลจึงสั่งไม่อนุญาต ถึงวันนัด (๑๖ ก.ย.๙๕) โจทก์ขอเลื่อนจำเลยไม่คัดค้านต่อมาโจทก์จึงขอยื่นระบุพยานใหม่ก่อนวันนัด ๓ วัน ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๘๘ และศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยจึงขอให้ศาลชั้นต้นตัดพยานโจทก์อ้างว่าที่ไม่ได้คัดค้านการที่โจทก์ขอเลื่อนไปในนัดนั้นเพราะเข้าใจผิดและไม่ทราบเรื่อง ศาลชั้นต้นไม่ยอมตัด จำเลยได้คัดค้านไว้แล้วนั้น เห็นว่าเมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบก็ชอบที่จำเลยจะร้องขอให้ศาลตัดพยานโจทก์ในวันนั้นหรือก่อนวันที่โจทก์กลับยื่นระบุพยานใหม่ เมื่อจำเลยยินยอมให้โจทก์เลื่อนไปและโจทก์ได้กลับยื่นระบุพยานใหม่ถูกต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๘๘ แล้ว จำเลยจะกลับมาคัดค้านหาได้ไม่
ข้อที่ทนายจำเลยแถลงว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้ร้องสอดใช้ค่าเสียหายด้วยนั้นไม่ชอบเพราะผู้ร้องสอดไม่ได้เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ ๓ ทำนั้น ผู้ร้องสอดหาได้ฎีกาคัดค้านความข้อนี้จึงไม่รับ วินิจฉัย
พิพากษายืน

Share