คำวินิจฉัยที่ 119/2559

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องเอกชนด้วยกันเป็นจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพี่อเกษตรกรรมซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง จำเลยที่ ๓ อ้างว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินมือเปล่ามาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประกาศให้เป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร ได้รับความเดือดร้อนเสียหายกรณีจำเลยที่ ๓ ออก ส.ป.ก. ๔-๐๑ ทั้งสองแปลงให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และห้ามมิให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รวมทั้งบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลง กับให้จำเลยที่ ๓ มีคำสั่งเพิกถอน ส.ป.ก. ๔-๐๑ ดังกล่าวที่ออกให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เห็นว่า เมื่อพิจารณาคำฟ้องและคำให้การคู่ความต่างฝ่ายต่างกล่าวอ้างว่าตนเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประกาศให้เป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร ทั้งจำเลยที่ ๓ ก็ให้การว่า การที่ไม่ออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ (ส.ป.ก. ๔-๐๑) ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์นั้น เป็นเพราะโจทก์มิได้เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อน กรณีจึงเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันเอง และการที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าแต่เดิมที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าว โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองมาก่อนตามที่กล่าวอ้างหรือไม่เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป โดยไม่จำต้องวินิจฉัยการกระทำของหน่วยงานทางปกครองว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share