คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7269/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่ที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 หลังจากโจทก์และจำเลยที่ 1 จดทะเบียนหย่ากันแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 มาก่อน โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่งได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 237

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๒๔๐๘ ในส่วนของโจทก์กึ่งหนึ่งระหว่างจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนและส่งมอบที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นของโจทก์กึ่งหนึ่งแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๒๔๐๘ ในส่วนของโจทก์กึ่งหนึ่งและให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนและส่งมอบที่ดินเฉพาะส่วนกึ่งหนึ่งแก่โจทก์ โดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติ ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๓๒๔๐๘ มีชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่ที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ หลังจากโจทก์และจำเลยที่ ๑ จดทะเบียนหย่ากันแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการทำนิติกรรมด้วย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ ๒ ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริต กล่าวคือรู้หรือไม่ว่าที่ดินดังกล่าวโจทก์มีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย โจทก์นำสืบว่า นายภรากร แก้วพูล เป็นน้องจำเลยที่ ๑ มีภรรยาชื่อนางวีณา หงษ์บุญมี นางวีณาเป็นพี่สาวจำเลยที่ ๒ ฝ่ายจำเลย มีจำเลยที่ ๑ เบิกความตอบคำถามค้านของทนายโจทก์ว่า จำเลยที่ ๑ มีพี่น้อง ๕ คน รวมทั้งนายภรากร แก้วพูล ภรรยานายภรากรชื่อนางประวีณาหรือวีณา หงษ์บุญมี โดยจำเลยที่ ๒ เบิกความว่า มีพี่สาวชื่อนางวีณา หงษ์บุญมี ซึ่งเจือสมกับพยานโจทก์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ การที่จำเลยที่ ๒ เกี่ยวพันเป็นน้องของภรรยานายภรากรซึ่งเป็นน้องของจำเลยที่ ๑ เช่นนี้นับว่าเป็นญาติสนิท เชื่อว่าจำเลยที่ ๒ รู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ มาก่อน โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๓๗
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share