คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7262/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้กับคดีก่อนคู่ความทั้งสองคดีเป็นคู่ความรายเดียวกันและเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันมีมูลมาจากการผิดสัญญาเช่าซื้อฉบับเดียวกันโดยคดีก่อนโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าเสียหายซึ่งเป็นค่าขาดประโยชน์และส่งมอบรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทนส่วนคดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายในส่วนที่ยังขาดอยู่หลังจากการประมูลขายรถยนต์ที่ยึดคืนมาได้กับค่าใช้จ่ายในการประมูลขายรถยนต์ซึ่งโจทก์สามารถประเมินความเสียหายได้ตั้งแต่ขณะยึดรถยนต์คืนจากจำเลยที่1และชอบที่จะขอแก้ไขคำฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้เพิ่มเข้ามาในคดีก่อนดังนั้นทั้งสองคดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อหรือไม่และจะต้องรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์เพียงใดเมื่อคดีก่อนถึงที่สุดไปแล้วฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์มาจากโจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1ไม่เคยชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เลย โจทก์จึงได้ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้น ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อนับจนถึงวันฟ้องรวมทั้งดอกเบี้ย ค่าขาดประโยชน์และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน ระหว่างการพิจารณาคดีดังกล่าวโจทก์สามารถติดตามยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนมาได้ รถยนต์อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีดังกล่าวให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินเพียง356,800 บาท เพราะเห็นว่าโจทก์ได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแล้วตามคดีหมายเลขแดงที่ 23001/2534 หลังจากนั้นโจทก์นำรถยนต์ที่ยึดคืนมาออกขายทอดตลาด โดยว่าจ้างบริษัทสหการประมูล จำกัดเป็นผู้ประมูลขายให้ โจทก์ต้องเสียค่าจ้างให้แก่บริษัทดังกล่าวจำเลยที่ 1 ไม่สงวนรักษารถยนต์ที่เช่าซื้อเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนรักษารถยนต์ของตนเอง ไม่บำรุงรักษาซ่อมแซมรถยต์ที่เช่าซื้ออย่างสม่ำเสมอ ทำให้รถยนต์เสื่อมสภาพเสื่อมราคาเกินกว่าการใช้งานตามปกติ โจทก์จึงประมูลขายรถยนต์ได้ราคาต่ำจำเลยที่ 1 จึงยังคงต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์อีกตามสัญญาเช่าซื้อ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 636,455.42บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่ 16822/2534หมายเลขแดงที่ 23001/2534 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ 23001/2534 ของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองคดีเป็นคู่ความเดียวกันและเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันมีมูลมาจากการผิดสัญญาเช่าซื้อฉบับเดียวกัน โดยคดีก่อนโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ค่าเสียหายซึ่งเป็นค่าขาดประโยชน์และให้ส่งมอบรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทน ส่วนในคดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายในส่วนที่ยังขาดอยู่หลังจากการประมูลขายรถยนต์ที่ยึดคืนมาได้กับค่าใช้จ่ายในการประมูลขายรถยนต์ซึ่งโจทก์สามารถประเมินความเสียหายได้ตั้งแต่ขณะยึดรถยนต์คืนจากจำเลยที่ 1และชอบที่จะขอแก้ไขคำฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้เพิ่มเข้ามาในคดีก่อน ดังนั้นทั้งสองคดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อหรือไม่ และจะต้องรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์เพียงใด เมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 23001/2534 ของศาลชั้นต้น ถึงที่สุดไปแล้วฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
พิพากษายืน

Share