แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภาษีโรงร้าน ตามประกาศภาษีเรือ โรง ร้าน ตึก แพ จ.ศ. 1232 นั้น เป็นภาษีประจำปีที่แล้ว แต่มาเก็บในปีต่อมา ส่วนภาษีโรงเรือนตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือน 2475 นั้น เป็นภาษีสำหรับปีใดเจ้าพนักงานก็เก็บในปีนั้น
มาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2472 เป็นแต่เพียงหลักในการคำนวนภาษีที่จะเก็บ คือเอาค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วเป็นหลักคำนวนภาษี ไม่ได้หมายความว่า ภาษีโรงเรือนประจำ พ.ศ. 2487 เป็นภาษีของปี 2486
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของห้องแถวในเขตต์เทศบาลเมืองพนัศนิคม จังหวัดชลบุรี ถูกเพลิงไหม้ในเดือนเมษายน ๒๔๘๗ และยังไม่ได้ปลูกสร้างขึ้นใหม่ในพ.ศ.๒๔๘๗ จำเลยได้เรียกเก็บภาษีโรงร้านสำหรับ พ.ศ.๒๔๘๖ไปแล้ว แต่เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินในเขตต์เทศบาลตั้งแต่ มกราคม ๒๔๘๗ จำเลยได้เรียกเก็บภาษีโรงเรือนจากโจทก์ใน พ.ศ.๒๔๘๗ อีก ซึ่งเรียกเก็บเต็มปี ในพ.ศ.๒๔๘๘ จำเลยได้เรียกเก็บภาษีโรงเรือนจากโจทก์อีก ๓ เดือน โจทก์จึงฟ้องเรียกภาษีที่จำเลยเก็บเกินคืน จำเลยต่อสู้ว่า เก็บถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนภาษีที่เก็บเกินให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ภาษีโรงร้านนั้น เป็นภาษีประจำปีที่แล้ว แต่มาเก็บในปีต่อมา ส่วนภาษีโรงเรือนนั้นปีใดเจ้าพนักงานก็เก็บปีนั้น โรงเรือนรายนี้ของโจทก์ถูกไฟไหม้ทำลาย โจทก์คงมีโรงเรือนอยู่ในพ.ศ.๒๔๘๗ เพียง ๓ เดือน ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ๒๔๗๕ มาตรา ๑๑ โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าภาษีประจำปี ๒๔๘๗ ที่จำเลยเก็บไว้เต็มปีนี้คืนตามส่วนเวลาที่โจทก์ไม่มีโรงเรือน ส่วนมาตรา ๑๘ แห่ง พ.ร.บ.นี้เป็นแต่เพียงหลักในการคำนวนภาษีที่จะเก็บ คือเอาค่ารายปีของปีที่แล้วมาเป็นหลักคำนวนเก็บภาษีไม่ได้ หมายความว่าภาษีโรงเรือนประจำ พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นภาษีของปี ๒๔๘๖ ฉะนั้นจำเลยจึงต้องคืนภาษีโรงเรือนประจำ พ.ศ.๒๔๘๗ ให้แก่โจทก์ ตามที่โจทก์ฟ้อง และที่จำเลยเก็บภาษีโรงเรือนประจำปี พ.ศ.๒๔๘๘ ด้วย ก็ไม่ถูกต้อง เพราะใน พ.ศ.๒๔๘๘ โจทก์ไม่มีโรงเรือนเลย จึงต้องคืนด้วย
พิพากษายืน