คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ออกเงินส่งจำเลยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น จำเลยจะกลับมาทำงานให้โจทก์ 5 ปี ตามอัตราเงินเดือนที่โจทก์กำหนด ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยทำงานให้โจทก์ 1 ปี 3 เดือนก็ลาออกจำเลยผิดสัญญา ศาลให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 45,000 บาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้เข้าทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทโจทก์ ต่อมาโจทก์ได้จัดส่งจำเลยที่ 1 ไปฝึกงานการผลิตพัดลมในประเทศญี่ปุ่น ด้วยทุนทรัพย์และค่าใช้จ่ายของโจทก์ทั้งสิ้น โดยจำเลยทำสัญญาไว้กับโจทก์ว่า เมื่อจำเลยฝึกงานสำเร็จแล้ว จำเลยจะทำงานให้โจทก์มีกำหนดเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยยอมให้โจทก์กำหนดอัตราเงินเดือนของจำเลยที่ 1 ได้ตามความพอใจแต่ฝ่ายเดียว ถ้าจำเลยที่ 1 ทำผิดสัญญา ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันสัญญาว่า ถ้าจำเลยที่ 1ไม่ชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไม่ว่าด้วยประการใด จำเลยที่ 2 รับชำระแทนทั้งสิ้น เมื่อจำเลยที่ 1 ฝึกงานสำเร็จแล้ว กลับมาทำงานให้บริษัทโจทก์เพียง1 ปี 3 เดือน จำเลยที่ 1 ก็ลาออกจากงานไป โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ 1ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนจนครบ

จำเลยทั้งสองให้การว่า เป็นสัญญาบีบบังคับจำเลยแต่เพียงฝ่ายเดียวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ได้รับประโยชน์จากจำเลยคุ้มแล้วขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามฟ้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 45,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนจนครบ

จำเลยทั้งสองฎีกาข้อเดียวว่า สัญญาขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อสัญญาดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และมิใช่เรื่องที่บริษัทโจทก์ได้ประโยชน์ตามสัญญาแต่ฝ่ายเดียวเพราะจำเลยที่ 1 ไปฝึกงาน โจทก์ต้องออกค่าใช้จ่ายให้จำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น จำเลยที่ 1ได้ความรู้ความชำนาญจากการฝึกงาน ทั้งมีโอกาสใช้ความรู้ความชำนาญให้เป็นประโยชน์แก่ตนยิ่งขึ้น จำเลยที่ 1 จึงต้องตอบแทนโจทก์ด้วยการใช้ความรู้ ความชำนาญที่ได้รับมาให้แก่บริษัทตามที่กำหนดไว้ในสัญญาทั้งบริษัทโจทก์มิได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องทำงานอยู่กับโจทก์จนตลอดชีวิตหรือเป็นระยะเวลานานเกินควรส่วนตามสัญญาที่ให้บริษัทโจทก์กำหนดอัตราเงินเดือนของจำเลยที่ 1 ได้ตามความพอใจฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 จะไม่โต้แย้งให้เพิ่ม ก็เป็นเรื่องให้สิทธิกับบริษัทโจทก์ได้กำหนดอัตราเงินเดือนให้จำเลยที่ 1 โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่บริษัทโจทก์ได้ออกให้จำเลยที่ 1 ไปฝึกงาน และจำเลยที่ 1 ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ได้มาให้เป็นประโยชน์แก่บริษัทโจทก์เพียงใดการที่จำเลยที่ 1 ลาออกจากบริษัทโจทก์ไปทำงานที่บริษัทอื่นได้เงินเดือนมากกว่าที่บริษัทโจทก์ให้ ก็เพราะบริษัทอื่นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้จำเลยที่ 1 ไปฝึกงานและจำเลยที่ 1 มีความชำนาญแล้ว ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างบริษัทโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share