แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอของผู้ร้องซึ่งยื่นต่อศาลคัดค้านการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำเลยในคดีล้มละลาย อ้างเหตุว่า ที่พิพาทที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องซึ่งได้ซื้อมาจากจำเลยและได้ครอบครองตลอดมานั้น มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่พิพาท เพราะจำเลยสละการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว
การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์สั่งไม่ให้ถอนการยึด ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องต่อศาลนั้น ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง ซึ่งศาลต้องดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งชี้ขาดเหมือนอย่างคดีธรรมดา ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 158 ดังนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดทรัพย์ของจำเลยรวม ๖ รายการ ผู้ร้องร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ปล่อยที่ดินสวนยางและที่นา ตามบัญชีทรัพย์อันดับ ๑ และ ๓ อ้างว่า จำเลยโอนขายให้ผู้ร้องทางทะเบียน และผู้ร้องได้ครอบครองทำประโยชน์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วไม่เชื่อว่าจำเลยขายที่พิพาทให้ ขอให้กลับคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปล่อยที่พิพาทที่ยึดไว้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยสละเจตนาครอบครองที่พิพาททั้งสองแปลงซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้กับผู้ร้อง ผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วมีคำสั่งกลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการยึดที่พิพาททั้งสองแปลง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์และคัดค้านด้วยว่า ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขายที่พิพาททั้งสองแปลงให้ผู้ร้องโดยจดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อำเภอท้องที่ และผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า คำวินิจฉัยของศาลล่างว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองที่พิพาท เพราะจำเลยสละการครอบครองให้แล้ว เป็นคำวินิจฉัยนอกประเด็นที่ผู้ร้องกล่าวอ้างนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องคัดค้านของผู้ร้องขอให้ปล่อยที่พิพาท ได้อ้างเหตุว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องซึ่งได้ซื้อมาจากจำเลยและได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา หาได้อ้างเหตุเพียงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องเพราะได้ซื้อมาจากจำเลยแต่เหตุเดียวไม่ ฉะนั้น คำวินิจฉัยของศาลล่างที่ว่า ผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่พิพาท เพราะจำเลยสละการครอบครองให้แล้ว จึงเป็นคำวินิจฉัยในประเด็นมิใช่นอกประเด็น
ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ควรต้องเสียค่าธรรมเนียมในการยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึด ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องต่อศาล ดังนี้ ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้องเกิดขึ้น ซึ่งศาลต้องดำเนินการพิจารณา และมีคำสั่งชี้ขาดเหมือนอย่างคดีธรรมดาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๘ เหตุนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๙ หาได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมอย่างใดไม่
พิพากษายืน.