คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7238/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นไม่ได้สอบจำเลยว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่ และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏความในเรื่องนี้ก็ตาม แต่ตามอุทธรณ์ของจำเลยรับว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปีจริง ถือได้ว่าความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้ว และจำเลยยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงนับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยลักรถยนต์ปิกอัพ หมายเลขทะเบียน บพ 906 นครปฐม ราคา 45,000 บาท ของนายอุดม ผู้เสียหายไป จำเลยลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากผู้เสียหายมาพบก่อน จำเลยจึงไม่ได้รถยนต์ของผู้เสียหายไป เหตุเกิดที่ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 80 และนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (ที่ถูก มาตรา 335 (1) วรรคแรก) ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 2 ปี นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายขอให้นับโทษในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น เห็นว่า แม้เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นไม่ได้สอบจำเลยว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่ และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏความในเรื่องนี้ก็ตาม แต่ตามอุทธรณ์ของจำเลยรับว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปีจริง ตามคำพิพากษาเอกสารท้ายอุทธรณ์หมายเลข 1 ถือได้ว่าความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้ว และจำเลยยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงนับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share