คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง ปรากฎว่าโจทก์บรรยายการกระทำผิด ในข้อหานี้มาในคำฟ้อง แต่ในคำขอท้าย ฟ้องโจทก์มิได้อ้างบท มาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484ซึ่งบัญญัติ ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ ได้ขอให้ลงโทษในข้อหามีไม้ยังมิได้แปรรูปไวในครอบครองแล้วได้ไม่ กรณีจึงต้องยกฟ้องข้อหานี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 เดือน ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้ รับอนุญาต เมื่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48,73 วรรคสอง มีอัตราโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปีที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาจึงเป็นการลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ และฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเพิ่มขึ้น ศาลฎีกาลงโทษจำคุก จำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2532 เวลากลางวันจำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยกับพวกได้ร่วมกันแปรรูปไม้ยางซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. อันเป็นการทำให้ไม้เปลี่ยนรูปและขนาดไปจากเดิมโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันมีไม้ยางแปรรูปจำนวนดังกล่าว และไม้ยางยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ตำบล บก อำเภอโนนคูณจังหวัดศรีสะเกษซึ่งอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เจ้าพนักงานยึดได้ไม้ยางแปรรูปและยังมิได้แปรรูปจำนวนดังกล่าวกับเลื่อยจำนวน 5 ปื้น เป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48, 73,74ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48, 73, 74 ทวิ,74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 เดือน ฐานมีไม้แปรรูปและยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือนของกลางริบ คำขอเรื่องสินบนนำจับให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองนั้น เห็นว่าโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้อง แต่ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้อ้างบทมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหามีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองแล้วหาได้ไม่กรณีจึงต้องยกฟ้องข้อหานี้ ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 เดือน ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 วรรคสองมีอัตราโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปี ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาจึงเป็นการลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเพิ่มขึ้นศาลฎีกาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48, 73 วรรคสอง, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวาประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 เดือน ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน ปรับ 5,00 บาท โทษจำคุกเห็นควรรอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้จ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางข้อหาอื่นให้ยกเสีย

Share