คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับโอนที่ดินมาจากเจ้าของเดิมซึ่งได้ใช้ทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยออกสู่ถนนสาธารณะมาราว 40ปี จนได้ภารจำยอมแล้วจึงขายให้โจทก์ ต่อมาจำเลยปิดทางภารจำยอมนั้นเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดได้ความว่าเดิมที่ดินแปลงของจำเลยกับแปลงของโจทก์เป็นที่ดินมรดกแปลงเดียวกัน เมื่อได้รับมรดกมาแล้วทายาทได้แบ่งโฉนดกันที่แปลงของโจทก์อยู่ข้างใน ส่วนแปลงของจำเลยอยู่ติดถนนสาธารณะ มีบ้านมรดกอยู่ในที่ดินแปลงของจำเลยหนึ่งหลัง เจ้าของที่ดินเดิมแปลงของโจทก์ได้อาศัยอยู่ในบ้านมรดกหลังนี้ตลอดมา เพิ่งออกไปตอนขายที่ดินให้โจทก์แล้ว ดังนี้ การที่เจ้าของที่ดินเดิมอยู่ในบ้านมรดกนั้นเป็นการอยู่โดยใช้สิทธิอาศัยที่ดินจำเลยฉะนั้น การเดินเข้าออกสู่ถนนสาธารณะย่อมเป็นการเดินโดยใช้สิทธิอาศัยจำเลย ไม่ใช่โดยปรปักษ์ แม้จะใช้เดิน ติดต่อกันมาถึง 40 ปี ก็ไม่ได้ภารจำยอมโดยอายุความโจทก์เองเพิ่งใช้ทางเดินผ่านที่ดินแปลงของจำเลยเมื่อได้รับโอนมายังไม่ถึงสิบปี ที่ดินแปลงของจำเลยจึงยังไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินแปลงของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนี้เป็นทายาทผู้รับมรดกที่ดินแปลงหนึ่งของนายไข่แดงร่วมกับทายาทอื่น จำเลยกับทายาทได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็น 4 แปลง จำเลยได้แปลงที่ 1 นางสมบัติได้แปลงที่ 2 นางแห้วได้แปลงที่ 3 และนายแก้วได้แปลงที่ 4 ที่แปลงที่ 1 ของจำเลยอยู่ติดถนนสาธารณะ ส่วนแปลงที่ 2 ของนางสมบัติอยู่ข้างใน นางสมบัติตายที่ดินแปลงที่ 2 ตกได้แก่นางกิมหิ้ง นางสาวชูศรี และนางสาวจีระนันท์ซึ่งได้ใช้ทางเดินกว้างประมาณ 2 เมตร ผ่านที่ดินของจำเลยจากที่แปลงที่ 2ออกสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลาติดต่อกันราว 40 ปี จนได้ภารจำยอมบุคคลทั้งสามได้ขายที่ดินแปลงที่ 2 ให้โจทก์เมื่อ พ.ศ. 2519 ต่อมาพ.ศ. 2521 จำเลยปิดทางเดินนั้นเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิด

จำเลยให้การว่า เจ้าของที่ดินแปลงที่ 2 ไม่เคยเดินผ่านที่ดินของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เจ้าของที่ดินเดิมแปลงที่ 2 เดินออกสู่ถนนสาธารณะโดยอาศัยสิทธิของจำเลย ที่ดินของจำเลยจึงไม่ตกอยู่ในภารจำยอม พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินแปลงที่ 1 จำเลยได้กรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 10มกราคม 2498 ส่วนที่ดินแปลงที่ 2 นางกิมหิ้ง นางสาวชูศรี และนางสาวจีระนันท์ได้กรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2497 ต่อมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2519 บุคคลทั้งสามได้ขายให้โจทก์ ที่ดินแปลงที่ 2 ไม่มีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะตรอกหนองฉาง แต่มีทางเดินกว้าง 2 เมตรอยู่ในที่ดินแปลงที่ 1 ออกสู่ตรอกหนองฉางได้ ข้อเท็จจริงโจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่า ในที่ดินแปลงที่ 1 ที่ตกได้แก่จำเลยมีบ้านมรดกอยู่ 1 หลังนางสมบัติ นางกิมหิ้ง นางสาวชูศรี และนางสาวจีระนันท์ต่างอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ตลอดมา เพิ่งย้ายออกไปตอนขายที่ดินแปลงที่ 2 ให้โจทก์แล้วศาลฎีกาเห็นว่า การที่เจ้าของที่ดินแปลงที่ 2 เดิมทั้งสามคนอยู่ในบ้านมรดกนั้นเป็นการอยู่โดยใช้สิทธิอาศัยที่ดินของจำเลย ฉะนั้น การที่บุคคลทั้งสามใช้ทางเดินในที่ดินจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะตรอกหนองฉางก็ดี เข้าไปเก็บผลอาสินในที่ดินแปลงที่ 2 ก็ดี หรือแม้เดินออกจากที่ดินแปลงที่ 2 ผ่านที่ดินจำเลยไปสู่ทางสาธารณะก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นการเดินโดยใช้สิทธิอาศัยที่มีอยู่แล้วทั้งสิ้น หาใช่ใช้สิทธิอาศัยและใช้สิทธิปรปักษ์ในเวลาเดียวกันดังโจทก์ฎีกาไม่ แม้บุคคลทั้งสามดังกล่าวจะใช้ทางเดินในที่ดินของจำเลยติดต่อกันมาถึง 40 ปีแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ภารจำยอมโดยอายุความ และถึงแม้โจทก์จะเคยใช้ทางเดินในที่ดินแปลงที่ 1 ของจำเลยเมื่อตอนซื้อที่ดินแปลงที่ 2 แล้วก็ยังไม่ถึงสิบปี ที่ดินแปลงที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่เจ้าของที่ดินแปลงที่ 2 หรือโจทก์โดยอายุความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share