คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7221/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทซึ่งจำเลยได้ก่อสร้างปิดทางภารจำยอมอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ในการใช้ทางภารจำยอมเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทออกไปก่อน เพื่อโจทก์จะได้ใช้ทางภารจำยอมได้นั้น จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ถูกฟ้องร้องดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) กรณีตามคำร้องมีเหตุที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ได้ และเมื่อคดีปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินภารยทรัพย์ได้ก่อสร้างกำแพงปิดทางภารจำยอม ทำให้โจทก์ไม่สามารถผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นสามยทรัพย์ได้โดยสะดวก เช่นนี้กรณีมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองที่โจทก์ขอมาใช้บังคับตามมาตรา 255เฉพาะบริเวณที่ติดกับที่ดินของโจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยก่อสร้างกำแพงอิฐบล็อกรุกล้ำที่ดินของโจทก์ และปฏิบัติผิดสัญญาภารจำยอมโดยก่อสร้างกำแพงอิฐบนที่ดินของจำเลยซึ่งได้จดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนกำแพงอิฐบล็อกออกจากที่ดินของโจทก์และออกจากทางภารจำยอม ให้จำเลยงดเว้นก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางภารจำยอมและชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการทำละเมิดเป็นเงินจำนวน 380,000 บาท และอีกเดือนละ20,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนกำแพงอิฐบล็อกออกไปและโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) โดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงอิฐบล็อกที่ปิดกั้นทางภารจำยอมออกไป และห้ามมิให้จำเลยก่อสร้างสิ่งกีดขวางหรือปิดกั้นทางภารจำยอมในระหว่างการพิจารณาคดีจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

จำเลยแถลงคัดค้านว่า กำแพงพิพาทก่อสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลย โจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะทางอื่นและออกสู่ทางภารจำยอมในช่องที่จำเลยได้ทำไว้

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษา ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทที่ปิดกั้นทางภารจำยอมเฉพาะบริเวณที่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 ตำบลฉิมพลี อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในชั้นนี้คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทส่วนที่อยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 ของโจทก์ออกไปก่อนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทซึ่งจำเลยได้ก่อสร้างปิดทางภารจำยอมอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ในการใช้ทางภารจำยอมเข้าสู่ที่ดินของโจทก์ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทออกไปก่อนเพื่อโจทก์จะได้ใช้ทางภารจำยอมได้นั้น จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ถูกฟ้องร้องดังกล่าวตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2)บัญญัติไว้ จำเลยจะขออ้างว่าจำเลยได้ก่อสร้างกำแพงพิพาทปิดกั้นทางภารจำยอมเสร็จตั้งแต่เดือนเมษายน 2539 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่โจทก์จะขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาเพราะจำเลยมิได้ตั้งใจกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิด การผิดสัญญาหรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้องหาได้ไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่าโจทก์มิได้พักอาศัยอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 แต่พักอาศัยอยู่ที่อื่น และบ้านที่โจทก์จะปลูกสร้างในที่ดินของโจทก์ดังกล่าวก็ยังมิได้มีการออกแบบก่อสร้างตามที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความ ก็มิใช่เหตุผลที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างได้เพราะเมื่อที่ดินของจำเลยตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางภารจำยอมเป็นทางผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ได้ตลอดเวลาตามที่โจทก์ต้องการ นอกจากนี้ได้ความตามทางไต่สวนว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 ของโจทก์นั้นไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เลยนอกจากใช้ทางภารจำยอมบนที่ดินโฉนดเลขที่ 83663 ของจำเลยเท่านั้น หรือมิฉะนั้นก็ต้องเดินผ่านที่ดินแปลงอื่นของโจทก์ซึ่งโจทก์ได้ขายให้บุคคลอื่นไปแล้ว แม้ตามทางไต่สวนจะไม่ปรากฏว่าบุคคลอื่นที่โจทก์ขายที่ดินให้จะมิได้ห้ามปรามโจทก์ผ่านเข้าออกที่ดินของตน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จำเลยจะยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อตัดสิทธิโจทก์ในการใช้ทางภารจำยอม สรุปแล้วศาลฎีกาเห็นว่า กรณีตามคำร้องมีเหตุที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ได้ และเมื่อคดีปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินภารยทรัพย์ได้ก่อสร้างกำแพงพิพาทปิดทางภารจำยอมทำให้โจทก์ไม่สามารถผ่านเข้าออกที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 ของโจทก์ซึ่งเป็นสามยทรัพย์ได้โดยสะดวก เช่นนี้ กรณีจึงมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองที่โจทก์ขอมาใช้บังคับตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 บัญญัติไว้ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยรื้อถอนกำแพงพิพาทที่ปิดกั้นทางภารจำยอมเฉพาะบริเวณที่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 83664 ของโจทก์ ซึ่งหมายถึงกำแพงพิพาทส่วนที่อยู่ระหว่างหลักเขตที่ ฏ 4.6387 ถึงหลักเขต ล.7250 ในรูปแผนที่โฉนดที่ดินเลขที่ 83664 จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share