แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง แต่มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม ได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 52, 53, 55, 56 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญํติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดีโจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52, 55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนมาตรา 56 ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศลจำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่กรรมในการฌาปนกิจศพ จำเลยที่ ๒ เป็นนายกสมาคม จำเลยที่ ๓ เป็นเหรัญญิก จำเลยที่ ๔ เป็นอุปนายก จำเลยที่ ๕ เป็นนายทะเบียน จำเลยที่ ๖ เป็นบรรณารักษ์ จำเลยที่ ๗ เป็นปฏิคม จำเลยที่ ๘ ถึงที่ ๓๐ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ถึง ๘ เป็นผู้จัดการสมาคมโดยเป็นกรรมการ เป็นผู้แนะนำโฆษณากิจการของสมาคม และแสวงหาบุคคลให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมดังกล่าว โดยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน จำเลยนี้กับพวกได้บังอาจสมคบร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระกัน โดยจำเลยเจตนาทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และแสดงตนเป็นคนอื่นด้วยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตใจของนางคอย ทรัพย์อ่วม และโจทก์ว่าจะจ่ายเงินค่าสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม เมื่อนายคอย ทรัพย์อ่วม สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมสมบูรณ์แล้ว นางคอย ทรัพย์อ่วม สมาชิกของสมาคมถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจศพนางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาทให้โจทก์ โดยให้ลงชื่อโจทก์เป็นทายาทผู้รับเงินสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม ไว้ในหนังสือต้อนรับของสมาคม โจทก์และนางคอย ทรัพย์อ่วม หลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยว่าเป็นความจริง จึงได้ส่งเงินให้จำเลยครั้งแรกเป็นเงิน ๑๓๐ บาท คือค่าสมัคร ค่าบำรุงสมาคม กับค่าอุปการะศพล่วงหน้า และนำตัวนางคอย ทรัพย์อ่วม ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศล และเมื่อนางคอยยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกครบ ๖๐ วันแล้ว จำเลยว่านางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นสมาชิกของสมาคมโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้ว มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์จากสมาคมจำนวน ๑๒,๐๐๐ บาทได้แล้ว ต่อมานางคอย ทรัพย์อ่วม ถึงแก่กรรม ระหว่างมีชีวิตอยู่ได้ชำระเงินให้จำเลยโดยมิได้ผิดนัด จำเลยเรียกเก็บเงินจากนางคอย ทรัพย์อ่วม รวมทั้งสิ้น ๓๓๐ บาท เมื่อนางคอย ทรัพย์อ่วม สมาชิกของสมาคมได้ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ในฐานะเป็นทายาทผู้รับเงินสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงการตายของนางคอย ทรัพย์อ่วม และขอรับเงินค่าสงเคราะห์ศพจากจำเลย ตามที่จำเลยได้โฆษณาให้สัญญาไว้ก่อนสมัครเข้าเป็นสมาชิก จำเลยได้พูดจาบิดเบือนและเบี่ยงบ่ายโดยอาการต่าง ๆ ในที่สุดปฏิเสธไม่ยอมจ่ายโดยสิ้นเชิง โจทก์จึงทราบว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของสมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศล โจทก์จึงขออนุญาตตรวจตราความเป็นอยู่แห่งกิจการของสมาคมและทรัพย์สินของสมาคม จำเลยไม่ยอม การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เดือดร้อนเสียหาย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๒ (๒), ๓๔๓ วรรค ๒ พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๕๒, ๕๓, ๕๕ และ ๕๖
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าตามคำฟ้องของโจทก์ แสดงว่านางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นผู้เสียหาย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ในเมื่อนางคอย ทรัพย์อ่วม ไม่ได้ฟ้องคดีไว้ก่อนตาย อนึ่ง ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง เพราะไม่ได้กล่าวว่าความเท็จอย่างใด และความจริงมีอยู่อย่างใด และเห็นว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง และในข้อหาตามพระราชบัญญัติห้างหุ้นส่วน ฯลฯ นั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริง แต่โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง และตามมาตรา ๕๓ ของพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ ก็เป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี แต่โจทก์หาใช่เป็นสมาชิกของสมาคมแต่ประการใดไม่ และมาตรา ๕๒, ๕๕ โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนมาตรา ๕๖ ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่เรื่องนี้จำเลยที่ ๑ ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา จึงพิพากษายืน.