คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7211/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยมีคำขอในกรณีมีเหตุฉุกเฉินให้ศาลสั่งห้ามผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดการใช้เงินเป็นการชั่วคราว ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งอายัด จึงเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกคือผู้ร้องถูกหมายอายัดและขอเพิกถอนคำสั่ง ไม่ใช่กรณีที่จำเลยเป็นผู้ถูกหมายอายัดและเป็นผู้ขอให้ยกเลิกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 267 จึงต้องอาศัยบทบัญญัติมาตรา 259 นำมาตรา 312 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับบุคคลภายนอกเป็นผู้ร้องขอมาใช้บังคับโดยอนุโลม อันทำให้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 267 วรรคสอง เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินคืนแก่โจทก์ หากจำเลยไม่คืนหรือคืนไม่ได้ ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 4,300,595 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2540 กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 20,936,955.50 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยมีคำขอในกรณีมีเหตุฉุกเฉินให้ศาลสั่งห้ามธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาวิสุทธิกษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้จำนวนเงิน 4,300,595 บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดการใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไว้เป็นการชั่วคราว
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดดังกล่าว
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งอายัด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาให้โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับผู้ร้องนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารผู้ร้องสาขาวิสุทธิกษัตริย์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอายัด กรณีเช่นนี้ ป.วิ.พ. ภาค 4 ลักษณะ 1 วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา มีบัญญัติไว้ในมาตรา 267 วรรคสองว่า “จำเลยอาจยื่นคำขอโดยพลัน ให้ยกเลิกคำสั่งหรือหมายนั้นเสีย และให้นำบทบัญญัติแห่งวรรคก่อนมาใช้บังคับโดยอนุโลม คำขอเช่นว่านี้อาจทำเป็นคำขอฝ่ายเดียวโดยได้รับอนุญาตจากศาล ถ้าศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมตามคำขอ คำสั่งเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด” ซึ่งตามบทบัญญัตินี้จะเห็นได้ว่า เป็นกรณีที่จำเลยเป็นผู้ถูกหมายอายัดและเป็นผู้ขอให้ยกเลิก แต่ในกรณีที่บุคคลภายนอกถูกหมายอายัดและขอเพิกถอนคำสั่ง บทบัญญัติในลักษณะ 1 หมวด 1 หาได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่ จึงต้องอาศัยบทบัญญัติมาตรา 259 นำมาตรา 312 ในลักษณะ 2 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับบุคคลภายนอกเป็นผู้ร้องขอมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยอนุโลม ผลจะเป็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นให้เพิกถอนอายัดถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 267 วรรคสอง เช่นเดียวกัน คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share