คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ว่าการขายทอดตลาดหุ้นของบริษัท อ. มีผู้เข้าประมูลสู้ราคากันหลายรายรวมทั้งตัวแทนโจทก์ก็เข้าประมูล สู้ราคาด้วย ซึ่งแสดงว่าการดำเนินการขายทอดตลาดของ เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ส่อพฤติการณ์ ทุจริตก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าบริษัท อ. จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นจากหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 10 บาท หุ้นของจำเลย 1,000 หุ้น จึงแตกออกเป็น 10,000 หุ้น และมี ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ ขายทอดตลาดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 985,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคา ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่ผู้คัดค้านในราคา 152,000 บาทอย่างมาก เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียอมรับว่าหากในขณะที่ประมูลซื้อขายกันตนทราบว่าหุ้นทั้งหมดมีราคาประมาณ 900,000 บาท ก็จะไม่อนุมัติให้ขาย กรณีจึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดี ขายหุ้นพิพาทไปโดยหลงผิด ทำให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตาม คำพิพากษาเสียหาย ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่โจทก์จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

ย่อยาว

โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด เนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้ผู้คัดค้านทั้งห้าไปโดยผิดหลง โดยขายต่ำกว่าราคาความเป็นจริงของมูลค่าหุ้น ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดทรัพย์หุ้นพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นการขายโดยชอบด้วยกฎหมายผู้แทนโจทก์ร่วมประมูลซื้อด้วย ทั้งมิได้คัดค้านการขายทอดตลาดในขณะนั้นต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาตามความเป็นจริง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดหุ้นพิพาทไปโดยผิดหลงโดยขายต่ำกว่าราคาที่แท้จริงในท้องตลาดเป็นจำนวนมากทั้งยังส่อพิรุธไปในทางที่ไม่ชอบและบกพร่องในหน้าที่ จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ประเภทหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ขายเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2531
ผู้คัดค้านที่ 4 ที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขายทอดตลาดหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์จำกัด ครั้งนี้มีผู้เข้าประมูลสู้ราคากันหลายรายรวมทั้งนางสาวศรีเวียง ฤทธิ์เดชตัวแทนโจทก์ก็เข้าประมูลสู้ราคาด้วย ดังนั้น การดำเนินการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ส่อพฤติการณ์ทุจริต แต่อย่างไรก็ตามปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2530บริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นจากหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 10 บาท หุ้นของจำเลยจำนวน1,000 หุ้น จึงแตกออกเป็น 10,000 หุ้น ซึ่งราคาหุ้นตามราคาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ 7 มีนาคม 2531 อันเป็นวันขายทอดตลาดนี้มีราคาหุ้นละ 98.50 บาท ดังที่นายยุทธ เอกอุฬารพันธ์ผู้อำนวยการฝ่ายทะเบียนหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเบิกความยืนยัน ฉะนั้นราคาหุ้นพิพาทตามราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ขายทอดตลาดจึงเป็นเงินทั้งสิ้น 985,000 บาท ซึ่งสูงกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่ผู้คัดค้านทั้งห้าในราคา 152,000 บาท อย่างมาก และข้อเท็จจริงก็ได้ความจากนายไพบูลย์ เมฆมานะเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า หากในขณะที่ประมูลซื้อขายกันนั้น ตนทราบว่าหุ้นทั้งหมดราคาประมาณ 900,000 บาทเศษ ก็จะไม่อนุมัติให้ขาย กรณีจึงถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายหุ้นพิพาทโดยหลงผิด เนื่องจากไม่รู้ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งการที่ขายทอดตลาดหุ้นพิพาทต่างจากราคาในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากเช่นนี้ จำเลยย่อมเสียหายต่อการชำระหนี้ จึงต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองที่โจทก์จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ประเภทหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2531

Share