แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ร้อง โดยผู้ร้องตกลงชำระเงินที่เหลือจำนวนหนึ่งให้แก่จำเลย ดังนี้สิทธิของผู้ร้องตามคำพิพากษาที่จะเรียกร้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ตนได้เกิดขึ้นแล้วทันทีเพียงแต่ผู้ร้องต้องชำระเงินที่เหลือตอบแทนให้ครบถ้วนตามคำพิพากษาด้วยเท่านั้นการที่ผู้ร้องยังไม่ชำระเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยมีผลเพียงทำให้ผู้ร้องยังไม่อาจจะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตอบแทน หามีผลทำให้สิทธิของผู้ร้องที่จะเรียกร้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหมดไปไม่ การที่ผู้ร้องยังคงมีสิทธิเช่นนี้เมื่อผู้ร้องได้ชำระเงินที่เหลือตอบแทนนั้นถือว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนเหนือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300 โจทก์จึงหามีสิทธิขอให้บังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอันเป็นการกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 38133 พร้อมทาวน์เฮาส์เลขที่ 131/187 เนื้อที่ 16 ตารางวา บนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยโจทก์ทั้งสองตกลงชำระค่าที่ดินที่เหลือ 209,922 บาท แก่จำเลย หากจำเลยผิดนัดให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หรือหากจำเลยไม่สามารถโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองได้ จำเลยตกลงชำระเงิน 295,078 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ต่อมาจำเลยผิดนัดและไม่อาจโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองจึงขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 38063 พร้อมทาวน์เฮาส์เลขที่ 131/152 บนที่ดินดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3662/2540 ให้จำเลยโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดในคดีนี้ให้แก่ผู้ร้อง โจทก์ยึดทรัพย์ภายหลังจากที่ผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษา ผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ขอให้เพิกถอนการยึดและปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า น่าสงสัยว่าหนี้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นการสมยอมกัน ผู้ร้องยังมิได้ชำระค่าที่ดินที่ยังค้างอยู่แก่จำเลยตามคำพิพากษาผู้ร้องจึงยังไม่อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นงดไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 38063 พร้อมทาวน์เฮาส์เลขที่ 131/152 ที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าว
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ว่า โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 49/40 ของศาลชั้นต้นและก่อนที่โจทก์นำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องตกลงชำระเงินที่เหลือจำนวนหนึ่งให้แก่จำเลย แต่ผู้ร้องยังไม่ชำระเงินดังกล่าว
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองว่า ผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว สิทธิของผู้ร้องตามคำพิพากษาที่จะเรียกร้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ตนได้เกิดขึ้นแล้วทันทีเพียงแต่ผู้ร้องต้องชำระเงินที่เหลือตอบแทนให้ครบถ้วนตามคำพิพากษาด้วยเท่านั้น การที่ผู้ร้องยังไม่ชำระเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยมีผลเพียงทำให้ผู้ร้องยังไม่อาจจะเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตอบแทน หามีผลทำให้สิทธิของผู้ร้องที่จะเรียกร้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหมดไปไม่ การที่ผู้ร้องยังคงมีสิทธิเช่นนี้เมื่อผู้ร้องได้ชำระเงินเหลือตอบแทนนั้น ถือว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนเหนือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300โจทก์จึงหามีสิทธิขอให้บังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอันเป็นการกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้เพิกถอนการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างชอบแล้ว
พิพากษายืน