แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้จะต้องเป็นบุคคลโดยจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ได้เมื่อกลุ่มครูโรงเรียนอุดรเจ้าหนี้มิใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเพราะเป็นเพียงคณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเท่านั้นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ การรวมกลุ่มของครูผู้เป็นสมาชิกกลุ่มครูโรงเรียนอุดรไม่ได้ประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1012จึงไม่มีลักษณะคล้ายห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนแม้กรรมการของกลุ่มครูโรงเรียนอุดรจะเป็นตัวแทนของสมาชิกกลุ่มครูโรงเรียนดังกล่าวและอยู่ในลักษณะเจ้าของรวมแต่ตามคำขอรับชำระหนี้ปรากฏชัดว่าผู้ขอรับชำระหนี้คือ”กลุ่มครูโรงเรียนอุดรโดยนายเรืองยศรมณียชาติ ผู้รับมอบอำนาจ”ไม่ใช่กรรมการของกลุ่มครูโรงเรียนดังกล่าวฉะนั้นกลุ่มครูโรงเรียนอุดรซึ่งไม่มีฐานะเป็นบุคคลจึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้(จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2535 กลุ่มครูโรงเรียนอุดรเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 857,000 บาทจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำร้องขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้วนายประชุม ทองมี เจ้าหนี้รายอื่นโต้แย้งว่าลูกหนี้ไม่เคยเป็นหนี้ของเจ้าหนี้และเจ้าหนี้ไม่ใช่นิติบุคคลตามกฎหมายจึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ ต่อมาเจ้าหนี้รายอื่นยื่นคำร้องขอถอนคำโต้แย้ง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า เจ้าหนี้เป็นเพียงกลุ่มบุคคลไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ และกรรมการของเจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้ามาในฐานะเป็นเจ้าหนี้ร่วมแต่อย่างใดจึงเห็นสมควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 107(1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
เจ้าหนี้ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เดิมโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต่อมาในปี 2523 ได้แยกมาขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ โดยแบ่งหน่วยงานออกเป็นการประถมศึกษาจังหวัดและการประถมศึกษาอำเภอสำหรับการประถมศึกษาอำเภอแบ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนกลุ่มละ7 ถึง 8 โรงเรียน ทั้งนี้ ตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2523 ในเขตการประถมศึกษาอำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม มีโรงเรียนที่สังกัด 52 โรงเรียน แบ่งเป็น7 กลุ่มโรงเรียนเพื่อให้มีการช่วยเหลือกันระหว่างโรงเรียนภายในกลุ่มในด้านการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ รวมตลอดถึงการจัดตั้งสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือครูภายในกลุ่มโดยให้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ กลุ่มโรงเรียนดังกล่าวมิได้เป็นนิติบุคคลแต่ละกลุ่มมีผู้บริหารโรงเรียนภายในกลุ่มเป็นกรรมการกลุ่มโดยตำแหน่งและมีการเลือกตั้งกรรมการจากครูสายผู้สอบมาเป็นกรรมการอีกจำนวนกึ่งหนึ่งของกรรมการโดยตำแหน่ง ทุก ๆ 4 ปี จะมีการเลือกตั้งประธานกลุ่มจากผู้บริหารโรงเรียนภายในกลุ่ม เจ้าหนี้เป็นกลุ่มโรงเรียนหนึ่งในจำนวน 7 กลุ่มโรงเรียนของอำเภอเมืองนครปฐมประกอบด้วยโรงเรียนวัดไผ่ล้อม โรงเรียนวัดตาก้องโรงเรียนวัดพะเนียงแตก โรงเรียนบ้านนาสร้าง โรงเรียนบ้านมานแคโรงเรียนบ้านห้วยชัน และโรงเรียนบ้านหนองขาหย่างสำนักงานกลุ่มตั้งอยู่ที่โรงเรียนวัดไผ่ล้อม มีนายวิบูลย์ ภุมวรรณ เป็นประธานกลุ่ม นายสุทิน คนอยู่เป็นรองประธานกลุ่ม นายธรรมนูญ บุญญะพัสน์นายจิรศักดิ์ สุวรรณรุจิ นางสาววิมล ภุมวรรณ และลูกหนี้เป็นกรรมการ เจ้าหนี้มีรายได้จากเงินฝากเป็นค่าหุ้นสะสมรายเดือนของสมาชิกเพื่อนำไปให้สมาชิกภายในกลุ่มกู้ยืม และนำรายได้ไปใช้ในกิจการของกลุ่ม นอกจากนี้เจ้าหนี้ยังกู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอกมาให้สมาชิกกู้ยืมอีกด้วย เจ้าหนี้มีระเบียบให้สมาชิกแต่ละคนกู้ยืมเงินได้คนละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมมาจากบุคคลภายนอก 50 สตางค์ลูกหนี้ได้กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้หลายครั้ง ทั้งในนามตนเองและในนามสมาชิกอื่นเนื่องจากเกินวงเงินที่ตนเองจะกู้ได้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 746,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.15 ซึ่งต่อมาลูกหนี้ยอมรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.24 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้หรือไม่เห็นว่า ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้จะต้องเป็นบุคคล โดยจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ได้เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า กลุ่มครูโรงเรียนอุดร เจ้าหนี้มิใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เพราะเป็นเพียงคณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเท่านั้น เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ ที่เจ้าหนี้กล่าวอ้างตามฎีกาว่า เจ้าหนี้มีลักษณะคล้ายห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนเพราะเป็นการรวมกลุ่มของครูผู้เป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีกรรมการบริการงานรับผิดชอบต่อสมาชิกและสมาชิกมอบหมายให้กรรมการดังกล่าวเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของตน แม้จะไม่ปรากฏว่ากรรมการกลุ่มได้รับมอบหมายจากสมาชิกทั้งหมด แต่กรรมการกลุ่มก็อยู่ในลักษณะเจ้าของรวม เจ้าของรวมคนใดคนหนึ่งมีสิทธิกระทำการเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งกรรมสิทธิ์รวมได้ กรรมการกลุ่มจึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การรวมกลุ่มของครูผู้เป็นสมาชิกกลุ่มครูโรงเรียนอุดรไม่ได้ประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012จึงไม่มีลักษณะคล้ายห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนแม้กรรมการของกลุ่มครูโรงเรียนอุดรจะเป็นตัวแทนของสมาชิกกลุ่มครูโรงเรียนดังกล่าวและอยู่ในลักษณะเจ้าของรวม แต่ตามคำขอรับชำระหนี้ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2535 ปรากฏชัดว่า ผู้ขอรับชำระหนี้คือ”กลุ่มครูโรงเรียนอุดร โดยนายเรืองยศ รมณียชาติผู้รับมอบอำนาจ” ไม่ใช่กรรมการของกลุ่มครูโรงเรียนดังกล่าวแต่อย่างใดฉะนั้นกลุ่มครูโรงเรียนอุดรซึ่งไม่มีฐานะเป็นบุคคลจึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้
พิพากษายืน