คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จัดให้มีการเล่นพนันโตแตไลเซเตอร์ สำหรับการเล่นแข่งม้าตามบัญชีข.ข้อ17แห่งพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478เงินที่โจทก์ได้รับจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา40(8)เพราะเป็นเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน(1)ถึง(7)ของมาตรา40แห่งประมวลรัษฎากรและมิใช่รายได้ตามมาตรา65ทวิ(13)แห่งประมวลรัษฎากรเพราะมิใช่เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้จากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หาโจทก์ซึ่งเป็นสมาคมจึงต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ2ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆตามที่มาตรา4แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่168)พ.ศ.2529บัญญัติไว้โจทก์ได้รับเงินจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดให้แก่ผู้เล่นมาแต่ต้นจำนวนเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ของโจทก์ซึ่งโจทก์จะต้องนำไปเสียภาษีตามหน้าที่ที่พระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478บัญญัติไว้รวมทั้งเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรและจ่ายรางวัลแก่ผู้เล่นที่แทงผลการแข่งม้าถูกตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้าข้อ4และข้อ5ที่กำหนดไว้ซึ่งล้วนเป็นรายจ่ายของโจทก์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับจำนวนเงินดังกล่าวมาแล้วนอกจากนี้ตามมาตรา16แห่งพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้รับอนุญาตการเล่นหมายเลข17ในบัญชีข.เสียภาษีไม่เกินกว่าร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายและเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ2.5เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวงดังนั้นโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้ามีหน้าที่เสียภาษีร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายตามข้อ12(1)(ก)ของกฎกระทรวงฉบับที่17(พ.ศ.2503)ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478จึงต้องชำระค่าภาษีดังกล่าวด้วยเงินของโจทก์จะอ้างว่าเงินค่าภาษีร้อยละ10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายที่โจทก์ชำระไปนั้นมิใช่รายได้ของโจทก์หาได้ไม่ที่โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมาในอัตราร้อยละ2ของรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือของจำนวนเงินที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดได้ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆจึงเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินภาษีจำนวน102,277,400.73 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย ให้การ ต่อสู้ คดี ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการจัดให้มีการแข่งขันม้าซึ่งเป็นการเล่นการพนันแข่งม้าตามบัญชี ข.แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และจัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้าตามบัญชี ข.ข้อ 17 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478
มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงว่า ที่โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือของจำนวนเงินที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดได้เป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว หรือว่าโจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ที่โจทก์มีสิทธิหักไว้เพียงร้อยละ 10 จากรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือจากจำนวนเงินสุทธิที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ด และเพียงร้อยละ 5 จากรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือจากจำนวนเงินสุทธิที่โจทก์จำหน่ายสลากเปล๊สโต๊ดบวกด้วยรายรับจากการปักเศษที่แบ่งจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้แทงม้าไม่ลงตัวตามที่โจทก์อุทธรณ์ เห็นว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 67บัญญัติว่า “การเสียภาษีตามความในส่วนนี้ให้เสียตามอัตราที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวดนี้” และอัตราภาษีเงินได้ตาม (ค) ของ (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรที่ใช้บังคับในขณะนั้นกำหนดไว้ว่าภาษีจากรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของมูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้อันมิใช่รายได้ตามมาตรา 65 ทวิ(13) ให้เสียในอัตราร้อยละ 10แต่รายได้ของโจทก์สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม2532 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2533 วันที่ 1 สิงหาคม 2533 ถึงวันที่31 กรกฎาคม 2534 และวันที่ 1 สิงหาคม 2534 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม2535 นั้น มีพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 168) พ.ศ. 2529 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในช่วงดังกล่าว บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ว่า
“ให้ลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ค) ของ (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 2ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ของมูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้อันมิใช่รายได้ตามมาตรา 65 ทวิ(13) แห่งประมวลรัษฎากรทั้งนี้เฉพาะรายได้ส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)แห่งประมวลรัษฎากร” เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยมิได้โต้แย้งกันฟังได้ว่า เงินที่โจทก์ได้รับจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8)เพราะเป็นเงินได้จากการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7)ของมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร และมิใช่รายได้ตามมาตรา 65 ทวิ (13) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะมิใช่เงินค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิกหรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นสมาคมจึงต้องเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามที่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 168)พ.ศ. 2529 บัญญัติไว้ ทั้งนี้ยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ข้อ 12 (1) หรือจำนวนเงินสุทธิที่จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊สตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้าข้อ 5 นั้น ถือว่าเป็นรายได้ของโจทก์ทั้งหมดเนื่องจากโจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวมาจากการจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดให้แก่ผู้เล่นมาแต่ต้นจำนวนเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินได้ของโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องนำไปเสียภาษีตามหน้าที่ที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 บัญญัติไว้ รวมทั้งเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร และจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้เล่นที่แทงผลการแข่งม้าถูก ตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้า ข้อ 4 และข้อ 5 ที่กำหนดไว้ ซึ่งล้วนเป็นรายจ่ายของโจทก์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับจำนวนเงินดังกล่าวมาแล้วนอกจากนี้ ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17ในบัญชี ของ เสียภาษีไม่เกินกว่าร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย และเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ 2.5 เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้ามีหน้าที่เสียร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ตามข้อ12 (1)(ก) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 จึงต้องชำระค่าภาษีดังกล่าวด้วยเงินของโจทก์ จะอ้างว่าเงินค่าภาษีร้อยละ 10 แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายที่โจทก์ชำระไปนั้นมิใช่รายได้ของโจทก์หาได้ไม่ดังนั้น ที่โจทก์อ้างว่าตามลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขในใบอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นแข่งม้าข้อ 5 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตหักเงินเป็นค่าภาษีและรายได้ของสนามเกินกว่าร้อยละ 20 จากจำนวนสุทธิที่จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเกินกว่าร้อยละ 15 จากจำนวนสุทธิที่จำหน่ายสลากเปล๊สโต๊ดเมื่อนำค่าภาษีร้อยละ 10 ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาหักออกจากร้านจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิหักไว้ดังกล่าว โจทก์จึงมีรายได้เพียงร้อยละ 10 ของจำนวนเงินสุทธิที่จำหน่ายสลากวินโต๊ด และร้อยละ 5 ของจำนวนเงินสุทธิที่จำหน่ายสลากเปล๊สโต๊ดนอกจากนั้นเป็นรางวัลที่จ่ายแก่ผู้เล่นที่แทงผลการแข่งม้าถูกเมื่อบวกเข้ากับเงินที่เหลือจากการปัดเศษที่แบ่งจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้แทงม้าไม่ลงตัวจึงเป็นรายได้ที่แท้จริงของโจทก์ โจทก์จึงต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 จากยอดเงินได้จำนวนนี้ หาใช่จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือจากจำนวนเงินสุทธิที่จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดได้ นั้น จึงเห็นได้ว่าไม่ถูกต้อง เพราะเงินได้ตามข้ออ้างของโจทก์นั้นเป็นเงินได้ที่หักรายจ่ายคือค่าภาษีและรางวัลออกแล้วหาใช่รายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามความหมายในบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร(ฉบับที่ 168) พ.ศ. 2529 ไม่ ดังนั้น ที่โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลมาในอัตราร้อยละ 2 ของรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือของจำนวนเงินที่โจทก์จำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ด ได้ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ดังวินิจฉัยแล้ว จึงเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน

Share