คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7189/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนถึง 68 เม็ด ไว้ในครอบครอง เมื่อนำมาฟังประกอบกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและตามทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เสพติดเมทแอมเฟตามีน เชื่อได้ว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ที่จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างขัดแย้งกันบ้างเป็นเพียงพลความ จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าวโดยจำเลยเห็นว่าเป็นการขัดกันในข้อสาระสำคัญนั้น เห็นว่า จำเลยกล่าวอ้างลอย ๆ มาในฎีกา โดยมิได้มีรายละเอียดแสดงให้เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญอย่างไรบ้าง ฎีกาข้อนี้เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำนวน ๖๘ เม็ด น้ำหนักรวม ๔.๗๖ กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๖๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง จำคุก ๖ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นไปตรวจค้นบ้านของจำเลย และจับกุมจำเลยมาดำเนินคดีนี้ โดยตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีน ๖๘ เม็ด อยู่ในกระเป๋ากางเกงของจำเลยเป็นของกลาง และจำเลยยอมรับว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๑ ที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่า เป็นเพราะจำเลยถูกจับกุมโดยกะทันหันพร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำเลยยังไม่มีโอกาสคิดไตร่ตรองหาข้อแก้ตัวได้ทันในขณะนั้น จึงต้องให้การรับสารภาพไปตามความจริง ตามบันทึกการจับกุมดังกล่าว จำเลยได้ให้การรับสารภาพเป็นรายละเอียดว่าเมทแอมเฟตามีน ๖๘ เม็ด ของกลาง จำเลยซื้อมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อและที่อยู่ในราคา เม็ดละ ๖๒ บาท เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่วัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานในหมู่บ้านในราคาเม็ดละ ๘๐ บาท โดยจำหน่ายมานานประมาณ ๒ เดือนแล้ว จำเลยจะรับมาครั้งละ ๑๐๐ เม็ด จำหน่าย ๗ ถึง ๘ วัน ก็หมด แล้วจึงรับมาใหม่ ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่พยานโจทก์ผู้จับกุมจำเลยได้สืบทราบมา บันทึกการจับกุมดังกล่าว จำเลยก็มิได้นำสืบปฏิเสธว่า เจ้าพนักงานตำรวจ ผู้จับกุมจำเลยทำขึ้นโดยมิชอบแต่อย่างใด ทั้งยังได้ลงชื่อรับรองความถูกต้องไว้ด้วย จึงใช้ยันจำเลยได้ หากจำเลยเป็น ผู้บริสุทธิ์มิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาก็ไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะต้องให้การรับสารภาพเช่นนั้น ตามทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เสพติดเมทแอมเฟตามีน การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนถึง ๖๘ เม็ด ไว้ในครอบครอง เมื่อฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุม จึงเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ วินิจฉัยว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างขัดแย้งกันบ้างเป็นเพียงพลความ จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว โดยจำเลยเห็นว่าเป็นการขัดกันในข้อสาระสำคัญนั้น เห็นว่าจำเลยกล่าวอ้างลอย ๆ มาในฎีกา โดยมิได้มีรายละเอียดแสดงให้เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญอย่างไรบ้าง ฎีกาข้อนี้ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน

Share