แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแล รักษา และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ได้เป็นหน่วยงานราชการ ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ จำเลยดำเนินธุรกิจจัดหาผลประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่ดิน อาคารและแผง เป็นต้น รายได้เก็บจากค่าเช่า ค่าธรรมเนียม ค่าทำสัญญา ค่าต่อสัญญา มิได้เป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการลักษณะมูลนิธิหรือเพื่อการกุศลสาธารณะ เมื่อหักค่าใช้จ่ายออกจากรายรับจะเหลือเป็นกำไร กิจการของจำเลยจึงเป็นกิจการที่แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ และอยู่ภายใต้บังคับ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม ถ้าไม่สามารถรับโจทก์กลับ เข้าทำงานได้ ก็ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย เงินบำเหน็จ เงินสะสม และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยไม่ใช่ส่วนราชการ ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ พระราชบัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๔ วรรค ๒ กฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ฉบับลงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๑ ไม่ให้ใช้บังคับ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานบางมาตราแก่นายจ้างที่มิได้แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์ของจำเลย มิได้แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม ถ้าไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย เงินบำเหน็จ เงินสะสม และค่าเสียหายจากการ เลิกจ้างไม่เป็นธรรม ๕๐๙,๘๗๕ บาท รวมเป็นเงิน ๑,๔๐๘,๕๙๓.๕๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี สำหรับ ค่าชดเชย และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี สำหรับเงินอื่นนับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๓) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า กิจการของจำเลยไม่อยู่ในบังคับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยอ้างว่ากิจการของจำเลยมิใช่การประกอบธุรกิจการค้า อีกทั้งได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาษีตามกฎหมาย จึงเป็นงานที่มิได้แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจนั้น ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยไม่ได้เป็นหน่วยงานราชการ ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแล รักษา และจัดหาผลประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ จำเลยดำเนินธุรกิจจัดหาผลประโยชน์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ให้เช่าที่ดิน อาคารและแผง เป็นต้น รายได้เก็บจากค่าเช่า ค่าธรรมเนียม ค่าทำสัญญา ค่าต่อสัญญา มิได้เป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการลักษณะมูลนิธิ หรือเพื่อการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ มีการหักค่าใช้จ่ายออกจากรายรับเหลือเป็นกำไร จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ว่า กิจการของจำเลยมิใช่กิจการที่มิได้แสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ จึงไม่ได้รับยกเว้นตามกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ลงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๑ แม้กิจการของจำเลยจะไม่ใช่การประกอบธุรกิจการค้าและได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาษีตามที่จำเลยอ้างหรือไม่ ก็ไม่ทำให้จำเลยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.